U ฝันแบบพญามังกร (ฟรี)

แฉทุกวันทันเกมหุ้น

เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์ แห่ง BTS Group เป็นมังกรซ่อนกายที่ขยับตัวครั้งใด ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

ครั้งล่าสุด อุตส่าห์พาผู้สื่อข่าวกลุ่มใหญ่ไปแถลงข่าวและชมกิจการโรงแรมในเยอรมนี…ก็ไม่ควรคิดว่าเป็นการ “พาเที่ยวเล่นธรรมดา” …เช่นกัน

นอกเหนือจากเรื่องราวของแผนธุรกิจของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ที่เจ้าสัวเปิดเผยเองว่า ตั้งเป้าให้ผลประกอบการนับตั้งแต่ ปี 2560/2561 เป็นต้นไปในช่วง 5 ปีนี้ กลุ่ม BTS จะมีโอกาสทำกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของทุกธุรกิจที่มีอยู่ในมือแล้วก็หมายมั่นปั้นมือเหลือเกินว่า จะปลุกปั้นบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U ให้กลายเป็นธงนำด้านอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มให้ได้….ภายหลังจากการปรับโครงสร้างการบริหารครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายในเร็วๆ นี้

ความฝันอันเลิศหรูของเจ้าสัวคีรี ที่มีต่ออนาคตของ U นั้นดูง่ายๆ…แต่ไม่ง่ายสำหรับนักลงทุน เพราะมีต้นทุนที่ต้องจ่ายค่อนข้างสูง….คลับคล้ายคลับคลากับเมื่อครั้งเปลี่ยนจาก บริษัท ธนายง จำกัด (มหาชน) หรือ TYONG มาเป็น BTS เมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง

ที่บอกว่า มีต้นทุนสูงเพราะ การปลุกปั้นให้ U เป็นธงนำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเครือ BTS ระลอกใหม่นั้น มีนักลงทุนที่ถือหุ้นของ U ถูกจับเป็นตัวประกันจำนวนมากด้วยน่ะสิ…เพราะจำต้องยินยอมให้แผนเพิ่มทุนมโหฬารของเจ้าสัวผ่านไปด้วยเสียก่อน….ไม่งั้นก็ทำไม่ได้

เบื้องหลังของแผนธุรกิจของ U ในความฝันของเจ้าสัวคีรีนั้น​ คือทำให้ U โตทางลัดด้วยการรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท ยูนิคอร์น เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด หรือ UE (บริษัทลูก BTS ในปัจจุบัน) มาไว้ที่ U (ตามมติกรรมการเดือนตุลาคม แก้ไขปรับปรุงวันที่ 4 ธันวาคม)

การโอนกิจการดังกล่าว ทำให้ U ต้องเพิ่มทุนครั้งมโหฬาร ซึ่งทางผู้บริหารและคณะกรรมการของ U จะขอทางผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในช่วงต้นเดือน ม.ค. 2561 เสียก่อน

เนื่องจากกิจการในมือของUE มีมากหลาย โดยตามข้อมูลล่าสุด ระบุว่า ในปัจจุบันมีพอร์ตลงทุนรวมกว่า 30 บริษัท ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ยูนิซัน วัน จํากัด ทำธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า, บริษัท ปราณคีรี แอสเซ็ทส์ จํากัด ถือครองที่ดินและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, บริษัท แอ๊บโซลูท โฮเต็ล เซอร์วิส จํากัด ทำบริหารอสังหาริมทรัพย์ ประเภทโรงแรม, บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง ถือครองที่ดินและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เป็นต้น

วิธีการรับโอนกิจการเพื่อเติมทรัพย์สินทางลัดให้กับ U มีเงื่อนไขทางวิศวกรรมการเงินที่ซับซ้อน ประกอบด้วยรายละเอียดต่อไปนี้

• U จะทำการออกหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนและวอร์แรนต์ให้แก่บุคคลในวงจำกัด 2 ราย ในรูปของการซื้อกิจการและออกหุ้นสามัญมารองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ในอนาคต
• การออกหุ้นให้กับ UE ทำให้ U ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนใหม่ของบริษัทอีกจำนวน 840,695,604,357 บาท หรือ 100% ของทุนจดทะเบียนเดิม ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,682,739,052,821 บาท โดยออกเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 280,231,868,119 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนจำนวน 560,463,736,238 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
• หุ้นสามัญเพิ่มทุน ออกมาเพื่อรองรับการแปลงสิทธิของวอร์แรนต์รุ่นที่ 3 (U-W3) จำนวนไม่เกิน 45,133,272,059 หน่วย อายุ 5 ปี และ 4 (U-W4) จำนวนไม่เกิน 235,098,596,060 หน่วย อายุ 5 ปี ในอนาคต
• หุ้นบุริมสิทธิใหม่ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก จำนวน 470,197,192,120 หุ้น มอบให้กับ UE ในสัดส่วน 5 หุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิเดิม ต่อ 4 หุ้นบุริมสิทธิใหม่ โดยตีราคาหุ้นละ 3.1 สตางค์ ตีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 14,576.11 ล้านบาท พร้อมแจกวอร์แรนต์ รุ่นที่ 4 (U-W4)  จำนวนไม่เกิน 235,098,596,060 หน่วย อายุ 5 ปี ในสัดส่วน 2 หุ้นบุริมสิทธิใหม่ ต่อ 1 วอร์แรนต์ ราคาแปลงสภาพ 6 สตางค์ ส่วนที่สอง จำนวน 26,384,191,176 หุ้น มอบให้ธนาคารกรุงเทพ โดยตีราคาหุ้นละ 3.4 สตางค์ โดยตีมูลค่าเป็น 897.06 ล้านบาท พร้อมแจกใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญชุดที่ 3 (U-W3) อายุ5 ปี ในสัดส่วน 2 หุ้นบุริมสิทธิต่อ 1 วอร์แรนต์ ราคาแปลงสภาพ 5 สตางค์ และส่วนที่สาม จำนวน 63,882,352,942 หุ้น มอบให้กับ UE ตีราคาหุ้นละ 3.4 สตางค์ คิดเป็นมูลค่า 2,172 ล้านบาท พร้อมแจกวอร์แรนต์ รุ่นที่ 3 ในสัดส่วน 2 หุ้นบุริมสิทธิ 1 วอร์แรนต์ อายุ 5 ปี ราคาแปลงสภาพ 5 สตางค์

หากพิจารณาข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนบุริมสิทธิทั้ง 2 รายโดยไม่ต้องจ่ายเงินสด แต่เอาใบหุ้นไปแทน  คือ ธนาคารกรุงเทพ เจ้าหนี้รายใหญ่ของ U และ UE (ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือลูกของBTS นั่นเอง) เสียสละมากพอสมควร เพราะตีมูลค่าใบหุ้นของ U สูงกว่าราคาตลาดเล็กน้อย…และสูงกว่าบุ๊คแวลูเช่นกัน

นี่คือปฏิบัติการ เทกโอเวอร์กิจการแบบย้อนศร หรือ reversed takeovers ธรรมด๊า….ธรรมดา ตามปกติ

แล้วหากตรองดูกันให้ละเอียดยิบ มองย้อนหลังกลับไป นี่คือสไตล์ “มังกรกลืนหาง” อันเป็นกลยุทธ์ที่เจ้าสัว คีรี ถนัดและช่ำชองยิ่งนัก…นั่นเอง

หลายปีก่อน ทำกับ TYONG….ตอนนี้ก็กำลังจะทำกับ U ในสูตรสำเร็จเดียวกัน….มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้

เจ้าสัวคีรี เปิดใจที่เยอรมนี ก่อนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 4 มกราคมที่จะถึงว่า…คงตอบล่วงหน้าไม่ได้ว่า ทางผู้ถือหุ้นจะโหวตอนุมัติหรือไม่ แต่ขอยืนยันว่า การที่ตนได้เข้ามาร่วมบริหารงานที่ U อย่างเป็นทางการ (ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการ) มากกว่า 4 เดือน ได้มีความตั้งใจจะผลักดันให้ U มีธุรกิจที่ดีในมือมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีความโปร่งใส และมีพื้นฐานแข็งแกร่งพร้อมแข่งขันในตลาด

“….หากผู้ถือหุ้นอนุมัติ การจัดทัพใหม่ของ U จะแล้วเสร็จกันภายในต้นปีหน้า และจากนี้ไป U จะไม่ใช่บริษัทขนาดเล็กแน่นอน….” เจ้าสัวคีรีให้คำมั่นสัญญา ตามประสาพญามังกร ที่ไม่ต้องซ่อนกายอีกแล้ว

แผนธุรกิจของ U ตามฝันของเจ้าสัวคีรีนั้น หลังจากผ่านมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเรียบร้อยได้ นอกจากจะทำให้ U กลายเป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนที่มีทุนจดทะเบียน มากที่สุดกว่า 1.6 ล้านล้านบาท (โดยที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นไม่มากนัก และมีขาดทุนสะสมคงค้างบานเบอะ) ทิศทางของ U จะกลายเป็นบริษัทที่ลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัวและมุ่งเน้นการลงทุนที่มีศักยภาพและผลตอบแทนดี (เช่น การเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรมของเวียนนา เฮ้าส์ ในเยอรมนี ซึ่งสามารถสร้างอีบิทด้าได้เกินปีละ 20 ล้านยูโร) …และมองหาโอกาสขยายการลงทุนต่อเนื่องในช่วงเวลาดอกเบี้ยต่ำติดพื้น ภายใต้เชนของรีสอร์ทและสปาในต่างประเทศ มีกลุ่มเป้าหมายลูกค้ายุโรป รวมทั้งโรงแรมในยุโรป ขนาดไม่เกิน 200 ห้องต่อแห่ง จะช่วยเพิ่มลงทุนธุรกิจของ U ให้มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หากฝันบรรเจิดของเจ้าสัวไม่ถูกขัดขวางจน “สวรรค์ล่ม” เสียก่อน  ผลประกอบการของ U ในอดีตและปัจจุบัน ที่ยังคงปรากฏตัวเลขขาดทุนติดต่อกันยาวนาน ยอดขาดทุนสะสมล่าสุดสิ้นไตรมาสสามปีนี้ อยู่ที่ 9,898.23 ล้านบาท…คงมีโอกาสพลิกผันเทิร์นอะราวด์กลับมาสวยงามได้

……เรียบร้อย โรงเรียน หว่อง จง ซัน

ใครว่าเป็นไปไม่ได้….กรุณาชูมือซ้ายขึ้นตรงๆ

อิ อิ อิ