DRT ของปลอมทำเหมือน….
นานกี่ปีมาแล้ว แทบจำไม่ได้ว่า บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบาและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ “ตราเพชร”....เคยมีเรื่องราวหวือหวากับใครเขาด้วยหรือไม่
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
นานกี่ปีมาแล้ว แทบจำไม่ได้ว่า บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบาและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ “ตราเพชร”….เคยมีเรื่องราวหวือหวากับใครเขาด้วยหรือไม่
โดยปกติแล้ว DRT ถือเป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานเรียบๆ ชนิด “เรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่” มีกำไรไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่เคยขาดทุน และกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี….แถมยังไม่เคยต้องเพิ่มทุน หรือมีโครงการหวือหวาขนาดยักษ์ที่ยั่วแมงเม่าให้กระโดดเข้าใส่ราคาหุ้น ดังนั้น…ราคาหุ้นก็ไม่ค่อยหวือหวา
จะมีก็แต่ในปี 2559 ที่เป็นกรณีไม่ปกติเพราะราคาหุ้นที่ร่วงลงมากเกินพื้นฐานกิจการ ทำให้กรรมการบริษัทจำต้องงัดท่าไม้ตาย มีมติให้ทำการใช้เงินสดในบริษัทซื้อหุ้นคืน ด้วยเหตุผลที่ว่า ” …เนื่องจากราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมากขึ้น…”
DRT เปิดโครงการซื้อหุ้นคืนโดยเสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นทั่วไป จำนวน 9.54% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด หรือ 100 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 5.20 บาท วงเงินไม่เกิน 520 ล้านบาทนับแต่เดือนมิถุนายน 2559
ราคาซื้อคืนดังกล่าว ไม่ได้มาลอยๆ จากฟากฟ้า แต่เกิดจากการอ้างอิงของราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันก่อนประชุมคณะกรรมการบริษัท ในขณะนั้น ซึ่งอยู่ที่ราคา 4.73 บาทต่อหุ้น และบวกด้วยส่วนเพิ่มอีก 10%
การกระทำดังกล่าว ของ DRT ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่…ถือเป็นปฏิบัติการคืนกำไรนอกเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นนอกฤดูกาล โดยไม่ต้องรองบกำไรขาดทุน หรือประกาศจ่ายปันผล และไม่เข้าข่ายสร้างราคาหุ้น…โดยทั่วไปแล้วมักจะถูกนำมาใช้ในเวลาเมื่อตลาดเป็นขาลง และราคาหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการดีเยี่ยม หรือผู้บริหารมั่นใจว่าดีเยี่ยม ต้องการรักษามูลค่าผู้ถือหุ้นเอาไว้ ไม่ให้ไหลเลื่อนไปตามกระแสตลาดขาลงมากเกินขนาด
วิธีการซื้อหุ้นคืน (เพื่อแตะเบรกและกอบกู้ภาพลักษณ์ด้านราคา รวมทั้งสร้างความภักดีต่อผู้ถือหุ้นเอาไว้) …ไม่ใช่คิดอยากทำก็ทำได้เลย….เพราะปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้บริษัทที่จะกระทำ ซื้อหุ้นคืนได้ไม่เกิน 10% ของทุนจดทะเบียน และที่สำคัญต้องมีคุณสมบัติครบ 3 ประการ คือ
1) มีผลประกอบการกำไร และมีกำไรสะสมมากพอสมควร โดยจะใช้เงินไม่เกินกำไรสะสม โดยมีข้อกำหนดว่า บริษัทต้องกันกำไรสะสมไว้เป็นเงินสำรองเท่ากับจำนวนเงินที่ได้จ่ายซื้อหุ้นคืนจนกว่าจะมีการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนได้หมด หรือนำไปลดทุน
2) มีสภาพคล่องส่วนเกิน โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ภายใน 6 เดือนข้างหน้าว่าถ้านำเงินมาซื้อหุ้นคืนแล้ว จะไม่กระทบกับการชำระหนี้ของบริษัท
3) ไม่ทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (ไม่น้อยกว่า 15% ของทุนชำระแล้ว และมีจำนวนไม่น้อยกว่า 150 ราย)
หลังจากปฏิบัติการซื้อหุ้นคืน…เสมือนการให้รางวัลผู้ถือหุ้น เพราะผลดีกะทันหันที่ได้คือ ทำให้จำนวนหุ้นที่อยู่ในตลาดลดลงชั่วคราวระยะหนึ่ง เมื่อนำมาหารเป็น EPS นักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่ก็ได้ผลตอบแทนมากขึ้น เพราะบริษัทจะไม่ได้รับปันผลจากหุ้นที่ซื้อคืนไป….เป็นการส่งสัญญาณให้แก่นักลงทุนทราบถึงความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงินที่ดีของ DRT ที่มีความพร้อมและเพียงพอต่อการลงทุนขยายธุรกิจในอนาคตได้ดีอีกด้วย
ปฏิบัติการซื้อหุ้นคืนดังกล่าว DRT ได้ดำเนินการมาครบถ้วน ในช่วงวันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2560 สามารถซื้อหุ้นคืนภายในวงเงินไม่เกิน 520 ล้านบาท และจำนวนหุ้นไม่เกินร้อยละ 9.54 ของหุ้นที่จำหน่ายได้ครบถ้วน…ไม่มีเหลือหรอ
เถรตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดของ “ครูไหวใจร้าย” ในอดีตหลายเท่า
พ้นจากนั้นมา เรื่องราวของ DRT ก็หายไปกับสายลม จนเกือบลืม ถ้าไม่เพราะมีมติใหม่ล่าสุดจากคณะกรรมการบริษัทว่า…เสือย่อมเป็นเสือ ไม่ยอมทิ้งลายง่าย
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 29 มกราคม มีมติเห็นชอบให้ลดทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว โดยวิธีการตัดหุ้นที่ซื้อคืนที่ยังจำหน่ายไม่ได้ (ไม่ได้ระบุจำนวน แต่เข้าใจว่าน่าจะทั้งหมด 100 ล้านหุ้น) และให้นำเสนอที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 33 (ประจำปี 2561) เพื่ออนุมัติลดทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของบริษัท โดยวิธีการตัดหุ้นที่ซื้อคืนที่ยังจำหน่ายไม่ได้ทั้งหมด จากโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงิน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น
ข้อเสียในระยะสั้นที่เห็นได้ชัดคือ เงิน 520 ล้านบาท ที่เอาไปซื้อหุ้นเมื่อปี 2559 ….จะหายไปกับสายลม…แต่ข้อดีก็มีมากหลายนับแต่…ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) รวมทั้งอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ที่สำคัญ ราคาหุ้นไม่ตก เพราะเกิดเหตุจากบริษัทสาดหุ้นกองใหญ่กลับเข้ามาขายในตลาดอีกครั้ง และยังไม่กระทบแผนงานขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมปีนี้ (ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในครึ่งปีหลังของปีนี้) ซึ่งคาดว่าจะทำให้กำลังการผลิตรวมทะลุ 1,000,000 ตันต่อปี แต่อย่างใด
การยกเลิกหุ้นที่ซื้อคืนไปมากถึง 100 ล้านหุ้น….ไม่ใช่ครั้งแรก และคุ้นหูคุ้นตายิ่งนัก….ตามรอยสูตรเก่าของเสี่ย พิชญ์ โพธารามิก แห่งหุ้น “ตระกูล JAS”….ไม่ผิดเพี้ยน
งานนี้ ซีอีโอใหญ่ของ DRT นายสาธิต สุดบรรทัด คงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายในข้อหา “ลอกเลียนแบบ” จนเข้าข่าย “ของปลอมทำเหมือน” หรอกนะ….เพราะต้นตำรับ ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์เอาไว้นี่นา
ก็อปได้ ก็อปไป…เป้าหมาย สำคัญกว่า วิธีการ
อิ อิ อิ