BKDทุ่ม760ลบ.ซื้อหุ้น”โกลด์ ชอร์”รุกธุรกิจประปา-ขายPPดึงBTSร่วมทุนต่อยอดกิจการตกแต่งภายใน
BKD ทุ่มงบฯ 760 ลบ. ซื้อหุ้น "บ.โกลด์ ชอร์" ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 46% รุกธุรกิจประปา จ.ภูเก็ต-ขาย PP ให้ BTS จำนวน 72 ล้านหุ้น ในราคา 3.30 บ. หวังดึงเป็นพันธมิตรต่อยอดธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายใน
นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทบางกอกเดค-คอน จำกัด(มหาชน) หรือ BKD เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าถือหุ้นในบริษัทโกลด์ ชอร์ส จำกัด (GS) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในพื้นที่บางส่วนจ.ภูเก็ตและจ.พังงา บางส่วน ทั้งทางตรงและทางอ้อมสัดส่วน 46% ใช้เงินลงทุนรวม 760 ล้านบาท โดยแหล่งที่มาของเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการซื้อหุ้นบริษัท Hight East Capital Holding Limited (HECH) ในสัดส่วน 100% จากน.ส.กานติมา รอดศัตรู โดยใช้เงินลงทุน 450 ล้านบาท ซึ่งบริษัทดังกล่าวถือหุ้นในบริษัทโกลด์ ชอร์สฯอยู่ 34.6% และบริษัทก็ซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัทโกลด์ชอร์ส 10%
อย่างไรก็ตามหลังเพิ่มทุนดังกล่าว HECH จะลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทโกลด์ชอร์สเหลือ 30 % และหากการดำเนินกิจการมีกำไรตามกำหนด บริษัทก็จะซื้อหุ้นบริษัทโกลด์ชอร์ส จากผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่ม 6% ทำให้บีเคดีเข้าไปถือหุ้นในบริษัทโกลด์ชอร์สทั้งทางตรงและทางอ้อมเบ็ดเสร็จ 46%
“การเข้าไปลงทุนในธุรกิจน้ำประปา จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ บีเคดีมีรายได้เติบโตแบบยั่งยืนในอนาคต เพราะพื้นที่จำหน่ายน้ำประปาภายใต้สัญญาอยู่ในพื้นที่บางส่วนของจ.ภูเก็ต และบางส่วนของจ.พังงา ถือเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการใช้น้ำสูง เป็นแหล่งพักอาศัย แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในภาวะที่ขาดแคลนน้ำประปา”
สำหรับบริษัทโกลด์ชอร์ส จำกัด เป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาส่งให้พื้นที่บางส่วนในจ.ภูเก็ตและจ.พังงา ซึ่งตามสัญญาให้ดำเนินกิจการประปาในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กับบริษัทไฮโดรเอ็นเตอร์ไพร์ส แอนด์ อะควอดีซายน์ จำกัด(HYDRO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของโกลด์ชอร์ส มีกำหนดระยะเวลา 30ปี โดยมีแหล่งน้ำดิบมาจากขุมเหมืองเก่า เนื้อที่ประมาณ 340 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
อนึ่ง GS เป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาส่งให้พื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต และบางส่วนของจังหวัดพังงา ตามสัญญาให้ดำเนินกิจการประปาในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต กับบริษัท ไฮโดรเอ็นเตอร์ไพร์ส แอนด์ อะควอดีซายน์ จำกัด (HYDRO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GS โดย GS เข้าถือหุ้นใน HYDRO ในสัดส่วน 99.99% มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี โดยมีแหล่งน้ำดิบมาจากขุมเหมืองเก่า เนื้อที่ประมาณ 340 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา
ปัจจุบัน GS และ HYDRO ได้ดำเนินการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวกับกับการประกอบกิจการประปาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา รวมถึงการกำหนดงบประมาณลงทุน และจัดหาผู้รับเหมาต่าง ๆ เพื่อดำเนินการขุดบ่อกักเก็บน้ำดิบ รวมถึงเตรียมความพร้อมในพื้นที่โครงการ และวางท่อประปาตามแนวถนน เพื่อรองรับการเปิดจำหน่ายน้ำประปาในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ และสามารถผลิตและจำหน่ายน้ำประปาได้ในปลายไตรมาส 2/61
ทั้งนี้ GS กำหนดงบลงทุนประมาณ 993 ล้านบาท โดยปัจจุบันยังคงมีงบลงทุนที่ต้องชำระเพิ่มเท่ากับ 648.44 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มสำหรับเฟสแรก เพื่อให้จ่ายน้ำได้ตามเงื่อนไขบังคับก่อนลงทุน เท่ากับ 333.44 ล้านบาท ซึ่ง GS ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนบริษัทเข้าลงทุน และงบลงทุนสำหรับเฟสที่เหลือประมาณเท่ากับ 320 ล้านบาท ซึ่งงบลงทุนดังกล่าว มีแหล่งที่มาของเงินทุนจากเงินเพิ่มทุนที่ได้รับจากบริษัทจำนวน 150 ล้านบาทข้างต้น เงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมของ GS จำนวน 50 ล้านบาท และเงินเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นภายหลังบริษัทเข้าถือหุ้นใน GS เท่ากับ 40%
โดยบริษัทมีความประสงค์จะเข้าลงทุนในโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาส่งให้พื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต และบางส่วนของจังหวัดพังงา ขนาดกำลังการผลิตสูงสุด 96,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วัน (แบ่งเป็น 4 เฟส โดยเฟสแรกมีขนาดกำลังการผลิตเท่ากับ 24,000 ลบ.ม. และเพิ่มขึ้นเฟสละ 24,000 ลบ.ม. จนครบ) ซึ่งบริหารโครงการโดยบริษัท โกลด์-ชอร์ส จำกัด (GS) (ถือหุ้นโดย High East Capital Holdings Limited (HECH) ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติฮ่องกง 34.62%)
ภายใต้การได้รับสัญญาให้ดำเนินกิจการประปาในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ในนามบริษัท ไฮโดรเอ็นเตอร์ไพรส์ แอนด์ อะควอดีซายน์ จำกัด (HYDRO) (ถือหุ้นโดย GS สัดส่วน 99.99%) รวมระยะเวลา 30 ปี โดยมีแหล่งน้ำดิบมาจากขุมเหมืองเก่า เนื้อที่ประมาณ 340 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปา
พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงหรือ PP จำนวนไม่เกิน 90 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS จำนวน72 ล้านหุ้น และนายสิวาชัย กลิ่นสุคนธ์จำนวน 18 ล้านหุ้น ราคาขายหุ้นละ 3.30 บาท
นอกจากนี้ยังมีมติให้บริษัทออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอแรนท์)โดยไม่คิดมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 3 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ในกรณีที่ บริษัท สามารถดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัดสำเร็จ แต่หากการเสนอขายหุ้นดังกล่าวไม่สำเร็จ เสนอให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 2.77 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ (หากมีเศษให้ปัดทิ้ง)
ขณะเดียวกันยังได้มีมติออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนท์) น.ส.กานติมา รอดศัตรู ในราคาเสนอขายหน่วยละ 0.16 บาท (PP-W) จำนวนไม่เกิน 90 ล้านหน่วย โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยราคาใช้สิทธิปีที่ 2 ในราคาหุ้นละ 4 บาท ปีที่ 3 ในราคาหุ้นละ 4.5 บาท ปีที่ 4 ในราคา 5 บาท และในปีที่ 5 ราคาในการใช้สิทธิราคาหุ้นละ 5.50 บาท
ทั้งนี้การที่คณะกรรมการของบริษัทมีมติออกและเสนอขายหุ้นสามัญเฉพาะเจาะจงหรือ PP ให้กับทางกลุ่มบีทีเอสนั้น เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของกลุ่มดังกล่าวว่าจะสามารถเข้ามาเป็นพันธมิตรที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในของบริษัทได้ เนื่องจากกลุ่มบีทีเอสมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหารเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโรงแรมในเครือ ยูซิตี้ โดยเชื่อว่าในอนาคตหากกลุ่มบีทีเอสต้องการที่จะตกแต่งภายในก็มีโอกาสใช้บริการจากบริษัท