EFORL เทรดสนั่น 7 วันราคาพุ่งแรง 333% นิวไฮรอบ8เดือน หลัง “วิชัย ทองแตง” จ่อซื้อ PP

EFORL เทรดสนั่น! 7 วันราคาพุ่งแรง 333% ทำนิวไฮในรอบ 8 เดือน หลังประกาศเพิ่มทุน PP ดึง “วิชัย ทองแตง” ถือหุ้นใหญ่ ล่าสุด ณ เวลา 10.15 น. อยู่ที่ 0.13 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 18.18% สูงสุดที่ 0.14 บาท ต่ำสุดที่ 0.11 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37.72 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ล่าสุด ณ เวลา 10.15 น. อยู่ที่ 0.13 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 18.18% สูงสุดที่ 0.14 บาท ต่ำสุดที่ 0.11 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37.72 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น EFORL ปรับตัวขึ้นแรง 7 วันติด นับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 0.03 บาท เมื่อวันที่ 4 เม.ย.61 ปรือปรับตัวขึ้น 0.1 บาท หรือคิดเป็น 333% นอกจากนี้ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 0.13 บาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค.60

อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของ EFORL เมื่อวันที่ 5 เม.ย.61 อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 ในวันที่ 21 พ.ค.61 เพื่อพิจารณาอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2.81 พันล้านบาท จากเดิมที่ 1.6 พันล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 1.61 หมื่นล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.075 บาท เสนอขายให้กับนักลงทุนในวงจำกัด PP จำนวน 5 ราย ได้แก่ นายวิชัย ทองแตง , นายชาคริต ศึกษากิจ , นายเกรียงไกร เธียรนุกูล , นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล และนายเกรียงไกร ฏิระวณิชย์กุล ที่ราคาหุ้นละ 0.04 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 644.33 ล้านบาท

สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นในครั้งนี้นักลงทุนทุกรายจะไม่สามารถขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ได้รับจัดสรรในครั้งนี้เป็นระยะเวลา 12 เดือน (Lock-up) นับตั้งแต่วันที่หุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ

โดยภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้นายวิชัย ทองแตง เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 22.68% ,นายชาคริต ศึกษากิจ ถือหุ้น  12.42% ,นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ถือหุ้น 7.45% , นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล ถือหุ้น  4.97% ,นายศุภชัย วัฒนาสุวิสุทธิ์ ลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือ 3.65% จากเดิม 7.30% ,นายโกศล วรฤทธินภา ถือหุ้น 3.21% จากเดิม 6.41% ,นายเกรียงไกร ฏิระวณิชย์กุล ถือหุ้น 2.48% เป็นต้น

ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทและกลุ่มบริษัทย่อยทั้งหมดอย่างเป็นระบบ ด้วยการสนับสนุนด้านยุทธศาสตร์จากกลุ่มนักลงทุนใหม่ ซึ่งมีความรู้ประสบการณ์ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและเป็นผู้ประสบความสาเร็จในธุรกิจดังกล่าวมาแล้ว โดยยังคงมุ่งหวังเพื่อสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลในธุรกิจเดิมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมของบริษัทเป็นหลักคือ ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจที่เกี่ยวกับความงาม

โดยบริษัทมีแผนใช้เงินในธุรกิจเครื่องมือแพทย์ เพื่อจะเพิ่มสินค้าใหม่และขยายการเติบโตจากตัวแทนจำหน่ายไปสู่การผลิตเครื่องมือแพทย์บางรายการ โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง และขยายธุรกิจในส่วนนี้ประมาณ 200 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจเครื่องมือแพทย์ ภายในไตรมาส 3/61 เป็นต้นไป

ส่วนธุรกิจความงาม บริษัทมีแผนสู่ธุรกิจสถาบันความงามอย่างครบวงจรเต็มรูปแบบ ได้แก่ การทำโรงพยาบาลศัลยกรรมความงาม การสร้างสาขาแบบ One stop shop การปรับปรุงสาขาให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค การเพิ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสินค้าใหม่ ๆ การขยายสาขาในระบบ Franchise ให้ครอบคลุมในกลุ่มตลาดเป้าหมายมากขึ้น โดยคาดว่าต้องใช้เงินลงทุนและเงินทุนหมุนเวียนในส่วนนี้ ประมาณ 444 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เงินทุนในส่วนนี้ภายในไตรมาส 3/61 เป็นต้นไป

Back to top button