THANI วิ่งแรง 4% โบรกฯชี้การเข้าลงทุน Alibaba หนุน e-commerce สดใส-ธุรกิจสินเชื่อโตเด่น

THANI วิ่งแรง 4% โบรกฯชี้การเข้าลงทุน Alibaba หนุน e-commerce สดใส-ธุรกิจสินเชื่อโตเด่น โดย ณ เวลา 11.21 น. อยู่ที่ระดับ 8.55 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 4.27% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 69.91 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI ณ เวลา 11.21 น. อยู่ที่ระดับ 8.55 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 4.27% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 69.91 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวแรงในรอบ 2 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นขึ้นไปทดสอบระดับ 8.56 บาท เมื่อวันที่ 2 ก.พ.61

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ”ซื้อ”หุ้น บมจ.ราชธานี ลิสซิ่ง (THANI) ที่ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท มองว่าสินเชื่อของบริษัทจะยังคงสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และจากการเข้ามาลงทุนของ Alibaba จะทำให้ e-commerce ของไทยขยายตัวเร็วขึ้น ที่จะเพิ่มความต้องการรถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร อีกทั้งต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ยังคาดว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจาก TFRS9 ที่น้อย โดยกำไรสุทธิปี 2561-25630 ยังขยายตัวคิดเป็น CAGR เฉลี่ยที่ 19%

ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 1.5 พันล้านบาท (+36%YoY) จากการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้นในปี 2561 ที่ 15% ที่จะได้รับผลบวกจากการขนส่งที่เพิ่มขึ้นในอนาคต รวมทั้งการขยายสินเชื่อ Fleet (ที่มีความสามารถในการจ่ายชำระสูง) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มองว่า NPLs ในปี 2018 จะลดลงเข้าสู่ระดับ 3.7% นอกจากนี้มองว่าบริษัทจะมีต้นทุนทางการเงินลดลงจากหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดภายในวันที่ 2 พ.ค..2561 จำนวน 2 พันล้านบาท (อัตราดอกเบี้ย 4.75%) และบริษัทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ ส่งผลให้คาดว่าต้นทุนทางการเงินในระยะยาวอยู่ที่ 2.5% แม้มองว่าบริษัทมีการตั้งสำรองที่เพียงพอต่อ TFRS9 แต่จากความระมัดระวังคาดว่าบริษัทจะยังคงตั้งสำรองส่วนเกินใน Q2/61 โดยคิดเป็น Credit Cost ที่ 1,062 bps และในกรณีที่บริษัทตั้งสำรองไม่เพียงพอต่อ TFRS9 มองว่าบริษัทจะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียวเมื่อมีการบังคับเป็นครั้งแรก

นอกจากนี้ มองว่ากฎหมายที่จะออกมาบังคับธุรกิจทางการเงินในอนาคตนั้น ไม่มีผลกระทบต่อ THANI อย่างมีนัย เนื่องจาก 1) กฎหมายใหม่นี้จะมีผลกระทบต่อสินเชื่อรายย่อยเป็นหลัก ในขณะที่บริษัทมีการปล่อยสินเชื่อให้แก่นิติบุคคลสูงกว่า 70%, 2) บริษัทมีการคิดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 7% ต่ำกว่าที่ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ควบคุมที่ 15% และ 3) ค่าใช้จ่ายที่จากการติดตามทวงถามหนี้ บริษัทไม่ได้เรียกเก็บมากเกินความเป็นจริง

Back to top button