PACE บันทึกด้อยค่า”มหานครฯ-จุดชมวิว” 3.4 พันลบ. ฉุดงบฯ Q1 ขาดทุนเพิ่ม 6 เท่าตัว
PACE บันทึกด้อยค่าเงินลงทุนโครงการ "มหานครฯ-จุดชมวิว" 3.4 พันลบ. ฉุดงบฯ Q1/61 ขาดทุน 4.09 พันลบ. เพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่าตัว จากปีก่อนขาดทุน 575.64 ลบ.
บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/61 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.61 ดังนี้
โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/61 บริษัทมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นนั้น สืบเนื่องจากในไตรมาส 1/60 บริษัทได้มีผู้ร่วมทุนรายใหม่ 2 ราย ได้แก่ อพอลโล เอเชีย สปรินท์ โฮลดิ้ง คอมปานี ลิมิเต็ด และ โกลด์แมน แซคส์ อินเวสท์เม้นท์ส โฮลดิ้งส์(เอเชีย) ลิมิเต็ด ในสดัส่วนการถือครองสทิธิ์ร้อยละ 49 ในโรงแรมบางกอก เอดิชั่น (บริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จ ากัด) รูฟท็อปบาร์ จุดชมวิว ออบเซอร์เวชั่นเด็คและ มหานคร คิวบ์(บริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรีจ ากัด) เป็นผลให้บริษัทฯสูญเสียอำนาจควบคุมในบริษัทฯย่อยจากการร่วมทุนดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทฯแต่งตั้งที่ปรึกษาการเงินอิสระเพื่อประเมินมูลค่าเงินลงทุนด้วยจำนวน 6,487 ล้านบาทและบันทึกในงบดุลสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2560 และบันทึกผลกระทบจากการสูญเสียอำนาจควบคุมจำนวน 7,113 ล้านบาท ในงบกำไรขาดทุนสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2560 ตามลำดับ
ต่อมาในเดือนเม.ย.2561 บริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ทั้งหมดในบริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด ให้แก่บริษัท คิง พาวเวอส์ มหานคร จำกัด ด้วยจำนวนมูลค่าไม่เกิน 14,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทฯ เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นกับ อพอลโล เอเชีย สปรินท์ โฮลดิ้ง คอมปานี ลิมิเต็ด และ โกลด์แมน แซคส์ อินเวสท์เม้นท์ส โฮลดิ้งส์ (เอเชีย) ลิมิเต็ด จำนวนเงินไม่เกิน 320 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐหรือไม่เกิน 10,000 ล้านบาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 9 เม.ย.2561 ที่ 31.25 บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ)
ดังนั้นจากการเข้าทำรายการตามที่กล่าวข้างต้น ส่งผลให้บริษัทฯรับรู้ผลกระทบส่วนต่างเงินลงทุนระหว่างราคามูลค่ายุติธรรมจากที่ปรึกษาการเงินอิสระและรายการที่เกิดขึ้นจริง โดยบันทึกการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 3,400 ล้านบาทในไตรมาส 1/61 ส่งผลให้บริษัทฯมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 4,086 ล้านบาท
ขณะที่ นางสาวศิราภรณ์ เอื้ออนันต์กุล ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขทะเบียน 3844 โดยบริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด ระบุในข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2561 และรายงานการสอบทานข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลของ PACE โดยมีข้อสรุปอย่างมีเงื่อนไขมีและมีข้อสังเกต
โดยระบุว่า “ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติงานสอบทานตามมาตรฐานงานสอบทาน รหัส 2410 เรื่อง การสอบทานข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของกิจการ การสอบทานดังกล่าวประกอบด้วย การใช้วิธีการสอบถามบุคลากร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงินและบัญชีและการวิเคราะห์เปรียบเทียบและวิธีการสอบทานอื่น การสอบทานนี้มีขอบเขตจำกัดกว่าการตรวจสอบตามมาตรฐานการสอบบัญชี ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถได้ความเชื่อมั่นว่าจะพบเรื่องที่มีนัยสำคัญทั้งหมดซึ่งอาจพบได้จากการตรวจสอบ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ได้แสดงความเห็นต่อข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลที่สอบทาน”
ทั้งนี้ ตามที่เดือนเม.ย.2561 บริษัทฯร่วมกับบริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้า (เดิมเป็นบริษัทย่อย) และกรรมการท่านหนึ่งของบริษัทฯได้เข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินกับบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกัน เพื่อจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัททั้งสองแห่ง ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม อาคารจุดชมวิว และอาคารรีเทล คิวบ์ รวมเป็นจำนวนเงิน 14,000 ล้านบาท
รวมถึงบริษัทฯร่วมกับบริษัททั้งสองแห่งดังกล่าวได้เข้าทำสัญญา Investment Buy-Out Agreement เพื่อเข้าซื้อหุ้นของบริษัททั้งสองแห่งจากผู้ร่วมทุน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561
โดยจากการเข้าทำรายการขายสินทรัพย์และเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว บริษัทฯได้ทำการทดสอบการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัททั้งสองแห่ง และได้บันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัททั้งสองแห่งเป็นจำนวน 3,400 ล้านบาท ไว้ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561
ส่วนมูลค่าของเงินลงทุนในบริษัททั้งสองแห่งดังกล่าวเดิมได้ถูกบันทึกโดยใช้มูลค่ายุติธรรมที่คำนวณจากวิธีประมาณการรายได้และวิธีการตีราคาสิทธิในการซื้อหุ้นตามรายงานของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระอันเนื่องมาจากการสูญเสียอำนาจการควบคุมในบริษัทย่อยในระหว่างปี 2560
รวมทั้งจากรายงานของผู้สอบบัญชีอื่นลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ได้แสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขต่องบแสดงฐานะการเงินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 เกี่ยวกับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนดังกล่าวอันเนื่องมาจากข้อจำกัดโดยสถานการณ์ ทำให้ไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอเพื่อเป็นเกณฑ์ในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการประมาณการรายได้ของจุดชมวิวจากข้อเท็จจริงที่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จจึงไม่มีผลการประกอบการพาณิชยกิจจริงเพื่อเปรียบเทียบและเป็นธุรกิจใหม่ในตลาดของไทย
โดยข้อจำกัดโดยสถานการณ์ดังกล่าวยังคงมีผลอยู่จนถึงปัจจุบันทำให้ไม่สามารถสรุปได้ว่าจำเป็นต้องปรับปรุงมูลค่าของเงินลงทุนดังกล่าวในงบการเงินรวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 หรือไม่ เพียงใด ซึ่งหากจำเป็นต้องปรับปรุงรายการดังกล่าวข้างต้นจะมีผลกระทบต่อมูลค่าเงินลงทุนในบริษัททั้งสองแห่ง และกำไรสะสม ในงบแสดงฐานะการเงินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัททั้งสองแห่งจำนวน 3,400 ล้านบาท ที่ถูกบันทึกไว้ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561