SSP บวกเกือบ 3% โบรกฯ เชียร์ซื้อ เคาะเป้า 10.70 บ. ลุ้นกำไรปีนี้โตกระฉูด

SSP บวกเกือบ 3% โบรกฯ เชียร์ซื้อ เคาะเป้า 10.70 บ. ลุ้นกำไรปีนี้โตกระฉูด หลังรับรู้รายได้ COD โรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ล่าสุด ณ เวลา 11.10 น. อยู่ที่ 8.35 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 2.45% สูงสุดที่ 8.35 บาท ต่ำสุดที่ 8.15 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 11 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP ล่าสุด ณ เวลา 11.10 น. อยู่ที่ 8.35 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 2.45% สูงสุดที่ 8.35 บาท ต่ำสุดที่ 8.15 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 11 ล้านบาท

โดยนักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมาย SSP ที่ 10.70 บาท โดยแนวโน้มการเติบโตสูง เนื่องจากบริษัทจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มเพิ่มขึ้นในปี 61-63  รวม 138.6 เมกะวัตต์ เป็น 190.8 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 52 เมกะวัตต์

โดยบริษัทจะ COD พร้อมกับรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น Hidaka ในไตรมาส 1/61 กำลังการผลิตติดตั้ง 21 เมกะวัตต์เข้ามา ทำให้เห็นการเติบโตอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/61 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหุ้นพลังงานรายอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่ อย่าง EA หรือ GULF มองว่า SSP ยังมี Upside ได้อีกมาก และยังเป็นหุ้น Laggard จึงมีความน่าสนใจในการลงทุนเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบัน รวมถึงโครงการในอนาคตที่บริษัทร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เพื่อขยายธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่มองโกเลีย จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ SSP เติบโต

ทั้งนี้คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2561 เท่ากับ 573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.5% จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ทยอยเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 1/61 และมีแนวโน้มเติบโตตามกำลังการผลิตจนไปถึงปี 64 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทรับรู้รายได้ครบทุกโครงการเต็มปี

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SSP ให้ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท (ยังไม่รวมโครงการ Khunshight Kundi ในประเทศมองโกเลีย) สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/61 มีแนวโน้มเติบโตทั้งเมื่อเทียบจากปีก่อนและเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เนื่องจากรับรู้โรงไฟฟ้าฮิดากะและโซลาร์รูฟท็อป 2 โครงการ SNNP1 และ SNNP2 เต็มไตรมาสช่วยหนุนผลประกอบการ

ทั้งนี้ หลังจากรับฟัง Analyst  Meeting มีประเด็นเพิ่มเติม 3 ประเด็นคือ 1) โครงการโรงไฟฟ้าโซเอ็นที่ญี่ปุ่นและโรงไฟฟ้า Khunshight Kundi ที่มองโกเลีย (16.4 MW) มีโอกาส COD เร็วกว่าคาดที่ไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 ตามลำดับ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดหนึ่งไตรมาส จะทำให้ทั้งปีบริษัทฯมีกำลังการผลิตรวมที่ 107 MW จาก 52 MW ในปี 60

รวมทั้ง 2) ได้มีการปรับโครงสร้างทางการเงินหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ได้ต้นทุนการเงินที่ต่ำลงทั้งในไทยและญี่ปุ่น และ 3) บริษัทฯมีแผนการลงทุนโซลาร์ฟาร์มทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง อาทิ มองโกเลีย ญี่ปุ่น หรือ เวียดนาม คาดจะสรุปได้ภายใน 3Q61 อย่างน้อย 1 โครงการไม่เกิน 100 MW

ขณะที่นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/61 คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 และช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทฯจะรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้เต็มที่ทั้ง 74 เมกะวัตต์ หลังจากที่มีโครงการโซลาร์ฟาร์ม Hidaka กำลังการผลิต 21 เมกะวัตต์ COD เพิ่มในช่วงปลายไตรมาส 1/61 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลักจากปีก่อน ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะจะมีการ COD โครงการโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟท็อปรวมกันเพิ่มมาอีก 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์

โดยจะทำให้สิ้นปีนี้บริษัทฯมีโครงการที่ COD แล้วกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 90 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันกำลังการผลิตที่ COD แล้วอยู่ที่ 74 เมกะวัตต์  และในปี 62 บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตที่ COD เพิ่มเป็น 107 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 1/62 จากการเริ่ม COD ของโครงการโซลาร์ฟาร์ม Khonshogh Kundi ในประเทศมองโกเลีย กำลังการผลิต 16.4 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทฯมีใบอนุญาตขายไฟฟ้ารวมทั้งหมด 190 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ครบทั้งหมดภายในปี 63 รวมทั้งบริษัทยังหาโครงการใหม่ๆที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง

Back to top button