ESSO ร่วงแรง 4.23% ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน โบรกฯชี้ค่าการกลั่นวูบหนัก-งบฯ Q2 ไม่แจ่ม!
ESSO ร่วงแรง 4.23% ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน โบรกฯชี้ค่าการกลั่นวูบหนัก-งบฯ Q2 ไม่แจ่ม! โดย ณ เวลา 11.44 น. อยู่ที่ระดับ 13.60 บาท ลบ 0.60 บาท หรือ 4.23% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 195.64 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ณ เวลา 11.44 น. อยู่ที่ระดับ 13.60 บาท ลบ 0.60 บาท หรือ 4.23% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 195.64 ล้านบาท ราคาหุ้นร่วงแรงในรอบ 7 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นลงไปทดสอบระดับ 13.60 บาท เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 60
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับลง -17.5% W-W มาอยู่ที่ US$ 5.05 /บาร์เรล (เป็นลบต่อโรงกลั่น TOP, SPRC, BCP, IRPC, PTTGC, ESSO) ขณะที่ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 มิ.ย.61) ที่ 5.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยหุ้นกลุ่มปิโตรและโรงกลั่น มีแรงขายเพราะกำไรของโรงกลั่นแย่ลงจากค่าการกลั่นที่ลดลง แนวโน้มค่าการกลั่นใน 2Q18 อาจชะลอต่อเนื่องเพราะน้ำมันยังสูงขึ้น ในกลุ่มนี้บริษัทที่ดีสุดคือ PTTGC ราคาเป้าหมาย 115 บาท (มีโอเลฟินส์เป็นหลัก โรงกลั่นเป็นส่วนน้อย) และ IRPC ราคาเป้าหมาย 9 บาท (มี value added products)
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า OPEC ได้ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือน พ.ค. ตามคำเรียกร้องของสหรัฐ ลดต้นทุนสายปิโตร โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดถูกกดดันในระหว่างวัน จากรายงานที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนพ.ค. โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดิอาระเบียที่เพิ่มการผลิตตามคำเรียกร้องของสหรัฐ
KTBST: เรามีมุมมองค่อนข้างเป็นบวก และอยุ่ระหว่างรอผลการประชุม OPEC ในวันที่ 22-23 มิถุนายนนี้ หากไม่มีการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติมจะทำให้อุปทานน้ำมันตึงตัวเป็นอย่างมาก และจะทำให้ต้นทุนน้ำมันดิบอยู่ในระดับที่สูงเกินไปจนกระทบต้นทุนการผลิตและความสามารถในการทำกำไรของโรงกลั่นและปิโตรเคมีตลอดจนถึงความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค การปรับกำลังผลิตให้เหมาะสมเป็นสิ่งที่คาดว่า OPEC จะทำและจะส่งผลดีต่อกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบและลดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ต้องติดตามดูว่าการเพิ่มจะเป็นเท่าไร ซึ่งควรจะใกล้เคียงกับที่ประมาณการที่ +500,000 บาร์เรลต่อวัน แต่อาจจะกดดันกลุ่มสำรวจและผลิต จึงแนะนำให้ระมัดระวังในส่วนของ PTTEP ถือ 141 บาท ขณะที่มุมมองยังระมัดระวังกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรอยู่ และคาดว่า กำไรใน 2q18 จะลดลงจากไตรมาสก่อน การเพิ่มกำลังผลิตจะส่งผลดีต่อกลุ่มโรงกลั่นและปิโตร โดยหุ้นที่จะได้รับผลดีมากคือ IRPC คาดว่าจะกลับมาเดินการผลิตได้เต็มที่หลังจากหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาสที่แล้ว คงคำแนะนำ ซื้อ IRPC อิง EV/EBITDA 9.5 เท่า ที่ 8.5 บาท