“โซนิค อินเตอร์เฟรท” พร้อมเข้าเทรด mai ปีนี้ ชูจุดแข็งประสบการณ์โลจิสติกส์นาน 22 ปี
“บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท” พร้อมเข้าเทรด mai ปีนี้ ชูจุดแข็งประสบการณ์ 22 ปี-ระบบโลจิสติกส์ครบวงจร
นายสันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC ผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่า SONIC จะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดเอ็มเอไอ (mai) ได้ภายในปี 2561
โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งแบบคำขอและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟล์ลิ่ง) หลังจากที่ได้ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นจำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท แบ่งเป็น 150 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และอีก 30 ล้านหุ้น รองรับการใช้ตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของพนักงานบริษัทฯ และบริษัทย่อย (ESOP Warrant) ไปเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561
ทั้งนี้ ภายหลังจาก ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง บริษัทฯ มีแผนออกไปให้ข้อมูลกับนักลงทุน (Road Show) ใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ หาดใหญ่ ขอนแก่น และเชียงใหม่ โดย บริษัทฯ มีจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์มานานกว่า 22 ปี จึงสามารถนำเสนอการให้บริการที่ครบวงจรเพื่อเข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ เข้ามาช่วยสนับสนุนและเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีขีดความสามารถด้านการแข่งขันที่ดี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในการขนส่งสินค้าไปยังทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินการจัดตั้งฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Services) เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ติดตามแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน และมีมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นในคุณภาพและไว้วางใจในการใช้บริการจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2558 บริษัทมีรายได้ 877 ล้านบาท ในปี 2559 มีรายได้ 855 ล้านบาท และในปี 2560 มีรายได้ 967 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการโลจิสติกส์ทางทะเลร้อยละ 63 ทางบกร้อยละ 29 ทางอากาศร้อยละ 7 และรายได้จากส่วนอื่นอีกร้อยละ 1 ซึ่งในปี 2561 บริษัทจะขยายการให้บริการทางอากาศมากขึ้น
ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน SONIC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นไฟล์ลิ่งของ SONIC ต่อ ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 31.03% ของจำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนของบริษัทฯ
โดย ปัจจุบัน SONIC มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 290 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 580 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว 200 ล้านบาท คิดเป็น 400 ล้านหุ้น ทั้งนี้ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้และหลังการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัทฯ จะมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 290 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 580 ล้านหุ้น
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ พัฒนาศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า การซื้อที่ดินและอาคารสำหรับอาคารสาขา ขยายการลงทุนขนส่งทางอากาศ รวมถึงลงทุนเพิ่มจำนวนรถขนส่งสำหรับธุรกิจขนส่งทางบก ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไป ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายกำลังการให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์เพื่อสามารถรองรับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
อนึ่ง SONIC เป็นผู้ให้บริการการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการรับขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 ส่วนได้แก่
1.การให้บริการเป็นตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (International Logistics Services Provider) ผ่านทางทะเลและอากาศ ที่ครอบคลุมการให้บริการ ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนช่องทางการขนส่ง การจัดเตรียมเอกสารดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อบังคับในการนำเข้าสินค้าในประเทศและส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ การจองระวางเรือหรือเครื่องบิน การดำเนินพิธีศุลกากร โดยบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรในต่างประเทศกว่า 63 ประเทศไว้คอยอำนวยความสะดวกในการนำสินค้าออกจากจุดขนถ่ายสินค้าและสามารถให้บริการครอบคลุม 134 ประเทศทั่วโลก
2.การให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศ โดยมีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตั้งอยู่บนถนนกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ สำหรับบริหารจัดการสินค้าที่อยู่ระหว่างรอการขนส่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและดำเนินการขนส่งได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่จุดรับสินค้าไปจนถึงจุดหมายปลายทาง (Door-to-Door) รวมถึงมีการให้บริการขนส่งสินค้าทางบกข้ามชายแดน (Cross-border transport) ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา และลาว