PRM ฉายแววครึ่งปีหลังโตเด่น รับบุ๊กรายได้ “Big Sea” โบรกฯเชียร์ซื้อ อัพไซด์สูงลิ่ว!

PRM ฉายแววครึ่งปีหลังโตเด่น รับบุ๊กรายได้ "Big Sea" ไตรมาส 3 โบรกฯเชียร์ซื้อ เคาะเป้า 13.80 บาท ดันอัพไซด์สูงลิ่ว!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM หลังราคาหุ้น PRM ปรับตัวขึ้นแรง โดยวานนี้ (27 ส.ค.) ปิดตลาดอยู่ที่ 7.65 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 6.99% ด้วนมูลค่าซื้อ 157.15 ล้านบาท และยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 13.80 บาท อยู่ 80.39%

โดย นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หลังจาก PRM กำไรไตรมาส 2/61 ดีกว่าตลาดคาด 16% และยันว่า จุดต่ำสุดผ่านไปแล้วในไตรมาส 4/60 ทิศทางกำไรไตรมาส 3/61 มีแนวโน้มเดินหน้าโตต่อเนื่อง ราว 250 ล้านบาท ซึ่งแม้บริษัทจะปรับแผนธุรกิจไปเน้น Domestic Tanker ที่แม้ให้มาร์จิ้นลดลง แต่ความเสี่ยงก็ต่ำกว่า FSU มาก ส่งผลให้ Earnings visibility เด่นชัดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ต้องปรับสมมติฐานล้อไปกับแผนธุรกิจใหม่นี้ แต่ upside ยังเหลือเพียงพอสำหรับทยอย “ซื้อ” ราคาเหมาสะสมปี 2561 ใหม่ 13.80 บาท

ทั้งนี้จากราคาน้ำมันค้างอยู่ระดับสูง กอปรกับความไม่แน่นอนเรื่องกฎระเบียบเดินเรือทั่วโลก ผู้บริหารจึงตัดสินใจจำกัดธุรกิจคลังน้ำมันลอยน้ำ (FSU) ไว้ที่ 5 ลำ หลังปลดระวางไปแล้ว 2 ลำปีนี้ แต่จะกลับมาเน้นธุรกิจ Domestic Taker มากขึ้น หลังเห็นสัญญาณว่า อุปสงค์น้ำมันภาคใต้แข็งแกร่งมาก โดยไตรมาส 2/61 บริษัทมีปริมาณขนส่งเพิ่มถึง 14.2% เทียบจากปีก่อน (vs อุปสงค์ +3%)

ขณะที่ผู้ประกอบการโรงกลั่นก็มีแผนขยายกำลังการผลิต/กักเก็บต่อเนื่อง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ PRM (อันดับ 1) เข้าซื้อหุ้น 70% ในบริษัทส่วนแบ่งอันดับ 2 อย่าง Big Sea ใน 3Q61 นี้ ซึ่งจะทำให้กองเรือ Domestic Tanker เพิ่มเท่าตัวเป็น 26 ลำทันที ส่วนธุรกิจขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศด้วยเรือใหญ่ Aframax 2 ลำ คงไว้ตามเดิม

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” PRM ให้ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท/หุ้น หลังการปรับแผนธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นผล โดย PRM ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 อยู่ที่ 198 ล้านบาท ซึ่งกลับมาเติบโตได้ดี 39.5% เทียบจากไตรมาสก่อน และ 6.5% เทียบจากปีก่อน โดยในไตรมาสนี้มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 20 ล้านบาท

ทั้งนี้มองว่าเป็นแนวโน้มที่ดีของบริษัทหลังจากบริษัทเริ่มมีการปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะตลาดมากยิ่งขึ้นซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายไตรมาส 4/60 ต่อเนื่องมาถึงต้นปีที่ผ่านมา

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/618 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 28.7% จาก 23.6% ในไตรมาส 1/61 และ 27.1% ในไตรมาส 2/60 ซึ่งปรับดีขึ้นในเกือบทุกธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนส่งน้ำมันในประเทศมาอยู่ที่ 27% จากเพียง 16% เทียบจากปีก่อนและไตรมาสก่อน ตามปริมาณขนส่งที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าและการบริหารจัดการที่ดี

สำหรับ FSU และ FSO เพิ่มขึ้นเช่นกันมาอยู่ที่ 38% และ 30% ตามลำดับ หลังจากปรับแผนธุรกิจทั้งการลดจำนวนเรือ FSU ลงทำให้เรือที่เหลืออยู่มี utilization rate กลับมาที่ 90% และการลดค่าใช้จ่ายสำหรับเรือ FSO

นอกจากนี้ยังคาดว่าจะเห็นแนวโน้มดีขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกคิดเป็น 34% ของประมาณการทั้งปีของบล.ทิสโก้ โดยบล.ทิสโก้มองว่าครึ่งปีหลังจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของการบริโภคและขนส่งน้ำมัน และการรับรู้รายได้และกำไรจากการเข้าลงทุนในบริษัท บิ๊ก ซี จำกัด ในสัดส่วน 70% ซึ่งเริ่มในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจะเข้ามาหนุนผลประกอบการในครึ่งปีหลัง

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” PRM ราคาเป้าหมาย 9 บาท/หุ้น อิง PE Multiplier ที่ 22 เท่า โดยปัจจัยหนุนอยู่ที่การฟื้นตัวของกำไรสุทธิครึ่งปีหลังที่จะโดดเด่นทั้งเทียบจากครึ่งปีแรกและเทียบจากปีก่อน จากการปรับปรุงธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศและธุรกิจจัดเก็บน้ำมันดิบที่มีผลขาดทุนให้กลับมามีกำไร ทั้งในรูปแบบของการหาตลาดใหม่ เปลี่ยนสัญญาเช่า และลดขนาดธุรกิจ ซึ่งถ้าอิงจากอัตราการใช้บริการของเรือเหล่านี้ที่สูงกว่า 90%

โดยแน่นอนว่าจะไม่เห็นผลขาดทุนอีกในครึ่งปีหลัง กอปรกับเป็นช่วงรวมผลประกอบการของ Big Sea ในสัดส่วนการถือหุ้น 70% ซึ่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีกำไรเฉลี่ยราว 100 ล้านบาทต่อปี จึงคาดกำไรสุทธิของ PRM ปีนี้จะจบที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เทียบจากปีก่อน และจะเพิ่มขึ้นอีก 28% เทียบจากปีก่อนเป็น 1,277 ล้านบาทในปีหน้า

ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิครึ่งปีหลังจะโตสูง 94% เทียบจากครึ่งปีแรก และ 125% เทียบจากปีก่อนอยู่ที่ 660 ล้านบาท จากฐานที่ต่ำมาตั้งแต่กลางปีก่อน และการรวมงบกับ Big Sea ที่จะเริ่มในไตรมาส 3/61 โดยคาดกำไรสุทธิทั้งปีนี้ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เทียบจากปีก่อน และโตต่อเนื่องอีก 28% เทียบจากปีก่อนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,277 ล้านบาทในปี 62

ขณะที่ ราคาหุ้นซื้อขายบน PE ปี 61-62 เพียง 14-18 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 33 เท่า ทั้งที่ PRM สร้าง ROE ได้สูงถึง 19% มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ทำได้เพียง 7% และคาดว่าปันผลจะทรงตัวในระดับที่ดี 4-5% ต่อปี

Back to top button