SKYพุ่งแรง4% ลุ้นคว้างานวางระบบสื่อสาร 4 พันลบ. หนุนเป้ารายได้แตะระดับพันลบ.
SKYพุ่งแรง4% ลุ้นคว้างานวางระบบสื่อสาร 4 พันลบ. หนุนเป้ารายได้แตะระดับพันลบ. ล่าสุด ณ เวลา 15.34 น. อยู่ที่ระดับ 14.00 บาท ปรับตัวขึ้น 0.50 บาท หรือ 3.70% สูงสุดที่ระดับ 14.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 23.41 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ล่าสุด ณ เวลา 15.34 น. อยู่ที่ระดับ 14.00 บาท ปรับตัวขึ้น 0.50 บาท หรือ 3.70% สูงสุดที่ระดับ 14.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 23.41 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น SKY ปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้หลังจากที่บริษัทฯ เปิดเผยว่า รายได้ปีนี้จะเติบโตแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างรอผลประมูลงาน 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท คาดประกาศภายในเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่ยังจะเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐเพิ่มอีกหลายพันล้านบาท
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกายไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานด้านการรักษาความปลอดภัยในงานสื่อสาร จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลการประมูลภายในเดือน ก.ย. 2561
โดยบริษัทเข้าร่วมประมูลงานโครงการดังกล่าวกับพันธมิตร ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 49% โดยหากได้รับงานดังกล่าว บริษัทจะรับรู้ส่วนงานที่ได้ตามสัดส่วนการถือหุ้นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และบริษัทจะสามารถส่งมอบงานได้ในปี 2561 ประมาณ 10% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2561 บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ด้านการรักษาความปลอดภัย เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในอาคารให้กับภาครัฐ มูลค่าเบื้องต้นประมาณหลายพันล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยรู้ผลการประมูลได้ภายในช่วงที่เหลือของปี 2561 และบริษัทมีความมั่นใจว่าจะได้รับงานดังกล่าว ทั้งนี้งานที่เข้าร่วมประมูลบริษัทมีนโยบายที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในแต่ละงานไว้ที่ระดับ 20%
ขณะที่เป้าหมายรายได้ในปี 2561 บริษัทยังคงประเมินว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดจากงวดปี 2560 ที่มีรายได้ 542 ล้านบาท เนื่องจากในงวดครึ่งปีแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้แล้วจำนวน 599 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากกว่าในปี 2560 และในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 400 ล้านบาท คาดว่าจะส่งผลให้มีรายได้ประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดปี 2562 บริษัทมีโอกาสที่จะเติบโตได้ต่อเนื่องจากในปี 2561 เพราะจะมีการบันทึกรายได้ของงานที่บริษัทจะเข้าประมูล โดยบริษัทมีนโยบายที่จะรักษาแบ็กล็อกในมือให้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่องานไว้ที่ 20%