จับตา TCAP ประกาศงบไตรมาส 3/61 วันนี้! ฟากโบรกฯประเมิน 1.8 พันลบ. ลุ้นกำไรโตเกินคาด
จับตา TCAP ประกาศงบไตรมาส 3/61 วันนี้! ฟากโบรกฯประเมิน 1.8 พันลบ. ลุ้นกำไรโตเกินคาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(17ต.ค.) โบรกเกอร์คาดว่าบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP จะเตรียมประกาศงบการเงินไตรมาส 3/61 โดยมีการคาดการณ์ว่าบริษัทจะประกาศผลการดำเนินงานงวดดังกล่าวมีกำไรเติบโตแตะระดับ 2 พันล้านบาท สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ระดับ 1.8 พันล้านบาท
โดย บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(17ต.ค.) ว่า คาดบริษัทประกาศงบไตรมาส 3/61 ดังนี้ 16 ต.ค. DTAC (รู้ผลร่วมประมูล 900MHz?) 16-17 ต.ค.61 TCAP KKP, 18 ต.ค.61 TMB BBL, 19 ต.ค.61 KBANK ,SCB ,KTB ,BAY 24 ต.ค.61 SCC (จะรู้แนวโน้มงบ UTP HMPRO GLOBAL จากงบ SCC)
ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(17ต.ค.) ว่า ตลาดหุ้นโลกกำลังเข้าสู่ช่วงการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/61 ซึ่งอาจจะทำให้มีแรงขายรับงบ ล่าสุดตลาดหุ้นไทย ธ.พ. ที่รายงานแห่งแรกคือ TISCO กำไรสุทธิดีกว่าคาด ตามมาด้วย LHFG กำไรสุทธิต่ำกว่าคาด และวันนี้(17ต.ค.)คาด TMB และ TCAP จะประกาศตามมา ที่เหลือจะทยอยประกาศไปจนถึงวันศุกร์นี้
ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TCAP คาดกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส3/61 ที่ 1,833 ล้านบาท อ่อนตัวลงราว 11% เทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังเติบโต 3%เทียบช่วงเดียวกันจองปีก่อน โดยมีประเด็นสำคัญคือคาดรายได้ดอกเบี้ยสุทธิดีขึ้นเล็กน้อยราว 1%เทียบไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากสินเชื่อเติบโตได้ดีในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อทั้งรถยนต์ใหม่ มือสอง และสินเชื่อจำนำทะเบียน
ทั้งนี้ คาดรายได้ค่าธรรมเนียมอ่อนตัวลง 2%เทียบไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากค่าธรรมเนียมธุรกิจตลาดทุน ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอื่นๆ คาดว่าจะอ่อนตัวราว 14%เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากปันผลรับตามฤดูกาล และคาดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานค่อนข้างทรงตัว ทำให้ Cost-to-income ratio อยู่ที่ 46.9%
ด้านสัดส่วน NPL มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งเป็นสินเชื่อหลักมีคุณภาพหนี้ดีต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้จะลดลงราว 13%เทียบไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับปัจจัยกดดันหลักในไตรมาสนี้มาจากภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้น 47%เทียบไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากผลประโยชน์ทางภาษีจากการซื้อ SCIB เมื่อ 5 ปีก่อนหมดลงในไตรมาสนี้
ส่วนแนวโน้มในปี 61 แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามด้วยแนวโน้มสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโต บวกกับคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้นต่อเนื่องทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำ โดยเราคาดกำไรสุทธิสำหรับปี 61 ที่ 7,708 ล้านบาท เติบโตราว 10% เทียบช่วงเดียวกันจองปีก่อน สำหรับกำไรงวด 9 เดือนที่คาดคิดเป็นราว 75% ของประมาณการ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มีปัจจัยกดดันจากภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่เรายังเห็นโอกาสที่กำไรทั้งปีจะเติบโตได้ ขณะที่ปีหน้าคาดว่าคุณภาพหนี้ที่ดีจะเป็นปัจจัยหนุนต่อเนื่อง เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 67 บาท อิง PBV 1.10 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันที่ซื้อขายกันในระดับ Forward PBV 2562 เพียง 0.9 เท่ายังเป็นระดับที่ Upside น่าสนใจ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 67 บาท/หุ้น
ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TCAP ( NEUTRAL , TP 54.5 ) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 ที่ 1,850 ลบ. เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย +3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้สินเชื่อเติบโตได้ ผลักดันจากสินเชื่อเช่าซื้อ ประกอบกับคาดการตั้งสำรองลดลง ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว แต่โดนกดดันจากภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้น เพราะ ประโยชน์ทางภาษีจาก SCIB หมดลง ประกอบกับกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลง เพราะ ในไตรมาส 3/60 มีกำไรจากการขาย MBK ในด้านกำไรสุทธิลดลง -10% เทียบไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักจากการลดลงของกำไรจากการขายสินทรัพย์ และเงินปันผลที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล
ในไตรมาส 4/61 แม้คาดสินเชื่อเติบโตได้ ผลักดันจากสินเชื่อเช่าซื้อ และคาดรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มตามสินเชื่อ แต่จากประโยชน์ทางภาษีที่เกิดจากดีล SCIB ที่หมดลง ทำให้อัตราภาษีจ่ายกลับสู่ระดับปกติ ประกอบค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เพราะในไตรมาส 4/60 มีการ reverse คชจ.ที่ตั้งเกินจากการปรับองค์กร รวมถึงคาดกำไรจากการเงินลงทุนที่ลดลง จะกดดันให้กำไรสุทธิลดลง และในปี 62 คาดกำไรสุทธิโตเพียง +2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยคาดสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตได้ แต่โดนฉุดจากภาษีจ่ายที่สูงขึ้น
ทั้งนี้จากคาดกำไรสุทธิครึ่งหลังปีนี้จะลดลง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนรวมถึงกำไรสุทธิปี 62 ที่จะโตต่ำเพียง +2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเทียบกับกลุ่มที่คาดจะโต +11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนคงคำแนะนำเพียง Neutral ที่ TP19F 54.5 บ.
ด้านราคาหุ้น TCAP ปิดภาคเช้าวันนี้(17ต.ค.61) อยู่ที่ระดับ 51.75 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.98% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 52.16 ล้านบาท