JASจ่ออุทธรณ์คดี“ซูมิโตโม”ปมศาลฯสั่งชดใช้479ลบ. จับตาสู้คดีอ่วมหลังเจ้าหนี้รอเช็คบิลเพียบ

สืบเนื่องจากวานนี้ (18 ตุลาคม 2561) ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้นัดฟังคำพิพากษา ตามที่ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เป็นจำเลย เรื่องการให้บริการระหว่างประเทศทางการเงิน

โดยศาลฯได้พิพากษาให้ JAS ชำระเงินต้นบวกดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับจากวันฟ้อง เป็นจำนวนเงินประมาณ 1,200 ล้านเยน และจำนวนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 3.8 ล้านดอลลาร์ฯ

ล่าสุด เช้านี้ (19 ตุลาคม 2561) JAS เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงประเด็นดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้พิพากษาให้บริษัท ชำระเงินให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงินอีกหนึ่งรายคิดเป็นเงินไทย ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2561 ประมาณ 479 ล้านบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันที่ 13 สิงหาคม 2557 เป็นต้นไปจนกว่าบริษัทจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายนั้นเสร็จสิ้น

โดยหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ดังกล่าวฟ้องเรียกร้องจากบริษัทเป็นหนี้ซึ่งได้ถูกปลดหนี้ไปแล้วตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทในปี 2546 แต่เนื่องจากศาลฏีกาได้มีคำพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการดังกล่าวในปี 2556 เจ้าหนี้ดังกล่าวจึงมาฟ้องร้องบริษัทในภายหลัง ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาศาลชั้นต้น บริษัทเห็นแตกต่างกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในประเด็นข้อเท็จจริง และข้อกฏหมายบริษัทจึงประสงค์ที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวภายใน 1 เดือนตามกฏหมาย หรือภายในกำหนดระยะเวลาที่ขยายออกไปตามที่ได้รับอนุญาตจากศาล

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้บันทึกประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการฟ้องร้องของเจ้าหนี้สถาบันการเงินรายดังกล่าวไว้ในงบการเงินของบริษัทฯ เป็นจำนวนประมาณ 165.2 ล้านบาท และบริษัทฯ เชื่อว่าคำพิพากษาของศาลดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ

อนึ่งก่อนหน้านี้ JAS รายงานว่าถูกเจ้าหนี้ยื่นฟ้องดำเนินคดีต่อศาล ได้แก่ ธนาคารเมกะสากลพาณิชย์ จำกัด, ชินฮานแบงค์, ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น และบริษัท บริหารสินทรัพย์ไทย (เอ) จำกัด เพื่อขอให้บริษัทชำระหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเป็นเงินจำนวน 108 ล้านบาท, 418 ล้านบาท, 3.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 1,211.4 ล้านเยนญี่ปุ่น, 13.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 524.4 ล้านเยนญี่ปุ่น ตามลำดับ