TAKUNI รายได้พุ่ง หนุนกำไรไตรมาส 3/61 โตกระฉูด 57% มาที่ 7.90 ลบ.

บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 (รวมบริษัทย่อย) ดังนี้

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวมีผลกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้จากธุรกิจขายแก๊ส เพิ่มขึ้นจำนวน 10.73 ล้านบาท คิดเป็น 6.00% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากความผันผวนของราคาขายในระหว่างงวด โดยราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ปริมาณขายแก๊สโดยรวมของบริษัทไม่แตกต่างจากเดิม

ทั้งนี้ ปริมาณการขาย LPG ในภาคขนส่งในไตรมาส 3/61 ลดลง 11.94% ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการขายแก๊สของผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรา 7 ในภาคขนส่งโดยรวมที่ลดลงจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนมากขึ้น ทำให้ปริมาณขาย LPG ให้กลุ่มลูกค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้น 55.26% และ 102.64% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อรักษาปริมาณการขายแก๊สโดยรวมของบริษัท

อีกทั้ง รายได้จากธุรกิจให้บริการขนส่งทางบก เพิ่มขึ้น 1.43 ล้านบาท คิดเป็น 43.47% จากปีก่อน เนื่องจากกลุ่มบริษัทสามารถให้บริการขนส่งแอมโมเนียเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 71.21% ของรายได้การให้บริการขนส่ง จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 51.46% ของรายได้การให้บริการขนส่ง โดยตั้งแต่ไตรมาส 4/60 กลุ่มบริษัทได้ซื้อรถขนส่งแอมโมเนียเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการให้บริการ ทำให้มีต้นทุนค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ขณะที่ รายได้จากธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ติดตั้งระบบแก๊ส ลดลงจำนวน 0.40 ล้านบาท คิดเป็ น 22.99% จากปีก่อน เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีแรงจูงใจในการใช้ LPG ในภาคขนส่ง การจ าหน่ายอุปกรณ์ติดตัเงระบบแก๊สในระหว่างปีจึงลดลง

สำหรับรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ ้น 58.90 ล้านบาท คิดเป็ น 20.46% เนื่องจากรายได้งานก่อสร้างน้ำมันและแก๊ส เพิ่มขึ้น จำนวน 67.74 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 24.52%

ทั้งนี้ ณ วันที่30 กันยายน 2561กลุ่มบริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างน้ำมันและแก๊สที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและยังไม่รับรู้ รายได้ จำนวน 2,425.30 ล้านบาท และ ณ วันที่ 12 และ 30 ตุลาคม 2561 บริษัทฯ ได้แจ้งข่าวการรับงานก่อสร้างเพิ่มเติมอีกรวมจำนวน 674.26 ล้านบาท (อ้างอิงหนังสือการแจ้งการรับงานใหม่ เลขที่ TG 192/2561 วันที่ 12 ตุลาคม 2561 และ TG 202/2561 วันที่ 30 ตุลาคม 2561)

ส่วนรายได้จากธุรกิจทดสอบและตรวจสอบความปลอดภัยทางวิศวกรรม เพิ่มขึ้น 7.51 ล้านบาท คิดเป็น 54.07% จากปีก่อน เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีรายได้ในภาคตะวันออกเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 40.44% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียง 10.04% โดยการขยายตลาดไปยังภาคตะวันออกตั้งแต่ปลายปี 2559 กลุ่มบริษัทมีต้นทุนทางตรงที่เกี่ยวข้องกับพนักงานในการให้บริการ และค่าเสื่อมราคาจากอุปกรณ์ที่ใช้ในงานทดสอบเพิ่มขึ้น