ลุ้น BGRIM-GUNKUL-PTTGC โตต่อเนื่อง! ราคาร่วงช่วงสั้น หนุนอัพไซด์พุ่งเกิน 50%

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ราคาหุ้นขนาดใหญ่ (บิ๊กแค็ป) หลายตัวได้ถูกแรงเทขายออกมาจนราคาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจหลังมีปัจจัยกดดันทั้งจากภายในประเทศและภายนอกต่างประเทศ และถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวแต่ดูเหมือนราคาหุ้นจะไม่มีการตอบรับในเชิงบวกเท่าไหร่นัก

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจข้อมูลและยกกรณีตัวอย่างมา 3 บริษัทหลักทรัพย์ที่ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา (9 พ.ย.61-20 พ.ย.61) มีราคาปรับตัวลดลงจนต่ำกว่าราคาที่นักวิเคราะห์ประเมินอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบด้วยหุ้น บริษัทบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC

โดยราคาหุ้น BGRIM ปรับตัวลดลงมาจากระดับ 27.25 บาท เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 61 มาอยู่ที่ระดับ 24.80 บาท ในวันที่ 20 พ.ย.61 คิดเป็นการปรับตัวลดลง 2.45 บาท หรือ 8.99% ขณะที่ราคาหุ้น GUNKUL ปรับตัวลดลงมาจากระดับ 3.24 บาท เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 61 มาอยู่ที่ระดับ 3.06 บาท ในวันที่ 20 พ.ย. 61 คิดเป็นการปรับตัวลดลง 0.18 บาท หรือ 5.56% ส่วนราคาหุ้น PTTGC ปรับตัวลดลงมาจากระดับ 79 บาท เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 61 มาอยู่ที่ระดับ 76.50 บาท ในวันที่ 20 พ.ย. 61 คิดเป็นการปรับตัวลดลง 2.50 บาท หรือ 3.16%

ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลจากนักวิเคราะห์เกี่ยวกับราคาเป้าหมาย พบว่า BGRIM มีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 39 บาท อัพไซด์สูง 56% ต่ำสุดที่ 23.90 บาท ดาวน์ไซด์ 4.4% ค่ากลาง (มัธยฐาน) ที่ 34.90 บาท อัพไซด์สูง 39.6% และค่าเฉลี่ยที่ 32.30 บาท อัพไซด์ 29.2% (อ้างอิงราคา ณ เวลา 12.11 น. วันที่ 21 พ.ย.61 ที่ 25 บาท)

ขณะที่ GUNKUL มีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 5 บาท อัพไซด์สูง 61.29% ต่ำสุดที่ 4 บาท อัพไซด์สูง 29.03% ค่ากลาง (มัธยฐาน) 4.40 บาท อัพไซด์ 41.94% และค่าเฉลี่ย 4.40 บาท อัพไซด์ 41.94% (อ้างอิงราคา ณ เวลา 12.11 น. วันที่ 21 พ.ย.61 ที่ 3.10 บาท) ส่วน PTTGC มีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 130 บาท อัพไซด์สูง 71.05% ต่ำสุดที่ 93 บาท อัพไซด์ 22.37% ค่ากลาง (มัธยฐาน) ที่ 106 บาท อัพไซด์ 39.47% และค่าเฉลี่ย 107 บาท อัพไซด์สูง 40.79%

อย่างไรก็ตาม “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้คัดเลือกหุ้นที่น่าสนใจเพื่อนำเสนอแก่นักลงทุน อย่าง PTTGC ซึ่งหากลองย้อนดูตัวเลขทางการเงินของบริษัทจะพบว่าบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ระดับ 5% ในปี 2558 จนสู่ระดับ 9.08% ในช่วง 9 เดือนปี 2561 ขณะที่ P/E Ratio (อัตราส่วนกำไรต่อหุ้นต่อราคาหุ้น) ปรับตัวลดลงสวนทางกัน โดยปี 2558 อยู่ที่ระดับ 20.54 เท่า ลดลงมาสู่ระดับ 7.98 เท่า ในช่วง 9 เดือนปี 2561 ดังนั้นจึงถือเป็นการตอกย้ำว่าราคาหุ้น PTTGC ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ถูกมากเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐาน

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 130 บาท/หุ้น โดยมองแนวโน้มกำไรหลักเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/61 หนุนโดยปริมาณขายปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น, ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีบางประเภทปรับตัวสูงขึ้น, ส่วนแบ่งกำไรจากสินทรัพย์ที่ซื้อจาก PTT ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่โรงกลั่นน่าจะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตต่อเนื่อง ปริมาณขาย ปิโตรเคมีน่าจะสูงขึ้นจากปีก่อน จากการขยายกำลังการผลิต และการเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซจาก PTT นอกจากนี้ปริมาณขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีน่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนลดลง

นอกจากนี้ ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ค่อนข้างใกล้เคียงกับการคาดการณ์ในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ถึงปัจจุบัน ส่วนต่างราคา HPDE (เทียบกับอีเธน) และส่วนต่างราคาพาราไซลีนยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และน่าจะส่งผลให้กำไรในช่วงครึ่งหลังปี 2561 แข็งแกร่ง

ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรหลักปี 2561 เพิ่มขึ้น 8% มาอยู่ที่ 44.7 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ (รวมกำไรพิเศษ) เพิ่มขึ้น 16% มาอยู่ที่ 48.2 หมื่นล้านบาท พร้อมเชื่อว่ามีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรหลักของตลาด 4-5%