ด่วน! บอร์ด PSTC ชงผถห.ไฟเขียวลงทุนท่อส่งน้ำมัน 9.2 พันลบ. ตั้งเป้า IRR เกิน 12%
ด่วน! บอร์ด PSTC ชงผถห.ไฟเขียวลงทุนท่อส่งน้ำมัน 9.2 พันลบ. ตั้งเป้า IRR เกิน 12%
บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC เปิดเผยว่า เนื่องด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท 7/2561 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 พิจารณาอนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (“โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันฯ”) ซึ่งจะดำเนินการโดยบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด(“TPN”) ที่ถือหุ้นร้อยละ 100 โดยบริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (“บริษัทย่อย” หรือ “BIGGAS”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
สำหรับโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันฯเป็นการเชื่อมต่อระบบขนส่งน้ำมันจากระบบท่อขนส่งน้ำมันเดิมของ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (“Thappline”)1 โดยโครงการลงทุนของ TPN จะจะเริ่มลงทุนเชื่อมต่อท่อเดิมของ Thappline ที่ต้นทางจังหวัดสระบุรีไปถึงคลังน้ำมันมันปลายทางทีจังหวัดขอนแก่น โดยมีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 9,201.1 ล้านบาท
โดยโครงการนี้เป็นการดำเนินการตามแนวทางของมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช) ครั้งที่ 3/2558 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558 ที่เห็นชอบให้ผู้ประกอบการเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาโครงการเองเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี โดยให้หน่วยงานของรัฐเป็นผู้สนับสนุนให้เช่าพื้นที่ในที่เขตทางในอัตราและระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้รับทราบมติของกพช. ดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558
อนึ่ง TPN ได้เข้าลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559
สำหรับโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันฯจะมีจุดเริ่มต้นการก่อสร้างที่สระบุรีและสิ้นสุดที่ขอนแก่ง อ.บ้านไผ่ เป็นระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 350 กิโลเมตร โดย TPN จะทำการซื้อที่ดินต่อไปอีกระยะทางยาวประมาณ 1.6 กิโลเมตร มูลค่า 15 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการดังกล่าว TPN ได้รับการสนับสนุนจากกรมธุรกิจพลังงานกระทรวงพลังงานเพื่อให้การดำเนินงานโครงการสำเร็จตามวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้การขนส่งน้ำมันไปจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
โดย TPN ได้นำส่งรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2561 ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในเดือนมีนาคม ปี 2562
นอกจากนี้ TPN จะทำการซื้อที่ดินสำหรับสร้างสถานีควบคุมน้ำมัน (Block Valve) ตลอดแนวท่อขนส่งน้ำมัน จำนวนทั้งสิ้น 11 แห่ง จำนวนเนื้อที่รวมประมาณ 10 ไร่ 2 ตารางวามูลค่า 28.1 ล้านบาท รวมถึงซื้อที่ดินเพื่อสร้างคลังน้ำมัน 1 แห่งในจังหวัดขอนแก่น เนื้อที่รวม 202-1-91.2 ไร่ มูลค่าประมาณ 116 ล้านบาท (ปัจจุบันได้ซื้อและโอนที่ดินแล้วทั้งหมด) และจะทำการเช่าที่ดินที่สรุบุรีสำหรับคลังน้ำมันเพื่อติดตั้งระบบส่งน้ำมัน (พื้นที่ติดตั้ง Pump Substation และบริการถังน้ำมัน) เชื่อมต่อกับท่อน้ำมันของ Thappline (“สถานีเชื่อมท่อ Thappline”) พื้นที่ประมาณ 6,536 ตารางเมตร
ทั้งนี้บริษัทคาดว่างบลงทุนของโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันฯ ซึ่งรวมมูลค่าสัญญาในทุกรายการ ซึ่งไม่รวมถึงรายการค่าเช่าที่ดิน และสัญญาจ้างบริหาร ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรายปีรวมทั้งสิ้นประมาณ 9,201.1 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 30 เดือน โดยคาดว่าจะสามารถเปิดใช้ระบบท่อขนส่งน้ำมันได้ประมาณไตรมาส 4 ปี 2564
สำหรับมูลค่าสิ่งตอบแทนกำหนดขึ้นจากมูลค่าผลตอบแทนของโครงการระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อฯ ของ TPN โดยการคำนวณของที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท (บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด) ได้ให้คำแนะนำการคำนวณตามหลักสากล โดยวิธีมูลค่าส่วนลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow) เป็นวิธีที่บริษัทเห็นว่าเหมาะสมที่สุดในการประเมินมูลค่าผลตอบแทนสำหรับรายการนี้ โดยอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) จากการลงทุนในโครงการดังกล่าวของ TPN ที่ประมาณร้อยละ 12.12
ซึ่งสูงกว่าต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของโครงการ (WACC) ที่ประมาณร้อยละ 7.75 ซึ่งสะท้อนความเสียงในการดำเนินธุรกิจ (Beta) การขนส่งน้ำมันทางท่อฯ เทียบเคียงได้กับบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS
อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวจะต้องเสนอและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562ในวันที่ 11 มกราคม 2562