“โนมูระฯ” ประเมินท่อน้ำมันอีสานหนุนราคา PSTC เพิ่มบาน! เคาะเป้าปีหน้า 1.03 บาท
"โนมูระฯ" ประเมินท่อน้ำมันอีสานหนุนราคา PSTC เพิ่มบาน! เคาะเป้าปีหน้า 1.03 บาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (23 พ.ย.) ว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC ให้ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 1.03 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้จากกรณีที่วานนี้ (22 พ.ย.) บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ PSTC ได้พิจารณาอนุมัติการลงทุนในโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยมีบริษัท ไทยไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 100% โดย BIGGAS (PSTC ถือหุ้นใน BIGGAS ถือ 51%) เป็นผู้ได้รับสิทธิในการสร้างท่อขนส่งน้ำมัน เริ่มต้นจาก เชื่อมต่อท่อกับ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย ที่ จ.สระบุรี ผ่านลพบุรี, นครราชสีมา, ชัยภูมิ, และจนสุดปลายทางที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ทั้งหมดผ่าน 5 จังหวัด 22 อำเภอ รวมเป็นระยะทางทั้งหมด 350 กิโลเมตร มูลค่าเงินลงทุน 9.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจของ PSTC ไปยังโครงสร้างพื้นฐาน ขนส่งน้ำมันไปภาคอีสาน เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่มีเสถียรภาพให้กับ PSTC ในระยะยาว
นอกจากนี้คาดว่าจะผ่านการเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งได้ส่งมอบรายงานแล้ว เมื่อ 24 ส.ค.2561 ที่ผ่านมา (ใช้ระยะเวลาตรวจสอบราว 4-6 เดือน) ประเมินว่าจะได้รับการเห็นชอบในเดือนม.ค.2562
ขณะที่ประเมินเม็ดเงินลงทุนทั้งหมด 9.2 พันล้านบาท โดยในเบื้องต้นสัดส่วนการลงทุนแบ่งออกเป็น ส่วนเงินทุนสัดส่วน 22% ของมูลค่าโครงการหรือเท่ากับ 2.02 พันล้านบาท ปัจจุบัน BIGGAS ถือหุ้น 100% ในบริษัท TPN โดยจะขายหุ้นใน TPN บางส่วนให้กับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศที่สนใจร่วมลงทุน โดย BIGGAS มีนโยบายคงหุ้นใหญ่หรือไม่น้อยกว่า 51% หรือเท่ากับสามารถขายหุ้น TPN ให้พันธมิตรได้ ไม่เกิน 49% สอดคล้องกับมุมมองว่า PSTC ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
รวมทั้งขยายเวลาขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 650 ล้านหุ้น ต่ออีก 12 เดือน แต่ประเมินว่า บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องขายหุ้น PP หากมีพันธมิตรเข้ามาลงทุนใน TPN ทำให้มีเงินเพียงพอแล้ว ส่วนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
สำหรับในเบื้องต้นกรอบวงเงินที่ 7.2 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5%-6% และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในเดือนม.ค.2562
ขณะเดียวกันได้ประเมินมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของโครงการที่ 9.19 พันล้านบาท (COE 7%, Terminal Growth 2%, ถือหุ้นสัดส่วน 51%) ระยะเวลาดำเนินงานจากปีไตรมาส 4/2564 – ปี 2594 เท่ากับ มูลค่าพื้นฐานที่ +0.73 บาทต่อหุ้น เป็น Upside risk ต่อราคาเป้าหมาย แต่จะเริ่มทยอยให้มูลค่าที่ชัดเจนหลังจากได้รับการอนุมัติ EIA จากจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) คาดแล้วเสร็จม.ค.2562 และรอความชัดเจนและ Synergy ของกลุ่มพันธมิตรที่เข้ามาร่วมทุนในช่วงถัดไป