CPT วิ่งกระฉูด10% คาดเก็งฯระยะสั้นหลังร่วงยาว! ลุ้นผลงานปี 62 ฟื้นตัวปักธงรายได้โต25%
CPT วิ่งกระฉูด10% คาดเก็งฯระยะสั้นหลังร่วงยาว! ลุ้นผลงานปี 62 ฟื้นตัวปักธงรายได้โต25% ณ เวลา 15.42 น.อยู่ที่ระดับ 0.99 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 10.00% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 27.50 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT ณ เวลา 15.42 น.อยู่ที่ระดับ 0.99 บาท บวก 0.09 บาท หรือ 10.00% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 27.50 ล้านบาท ราคาหุ้นฟื้นตัวแรงหลังเป็นขาลงมา 11เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นอ่อนตัวจากระดับ 2.08 บาท เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.60
อนึ่งก่อนหน้านี้ นายนพดล วิเชียรเกื้อ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจจำนวนหลายราย เบื้องต้นอาจจะเป็นการเข้ามาถือหุ้นของบริษัทฯ หรือการร่วมลงทุน (JV) เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้ แต่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปี 62
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/61 ถึงไตรมาส 1/62 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานหลัก โดยในไตรมาส 4 นี้ บริษัทถือว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด เนื่องจากโรงงานน้ำตาลส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะเริ่มดำเนินการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเปิดหีบผลผลิตอ้อยรอบใหม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเข้าประมูลงานดังกล่าวมูลค่ารวม 500 ล้านบาท คาดหวังได้รับงานราว 300 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถทราบผลได้ภายในไตรมาส 4 นี้
ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างประมูลงานติดตั้งตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมเครื่องจักรและตู้ควบคุมการจ่ายไฟฟ้าระดับแรงดันต่ำ ให้แก่โรงงานน้ำตาลในประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการละ 100 ล้านบาท คาดหวังว่าจะได้งานราว 2 โครงการ มูลค่ารวม 200 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทราบผลได้ภายในไตรมาส 4/61 หรือไตรมาส 1/62 นอกจากนี้ ยังเข้าไปประมูลงานวางระบบไฟฟ้า ให้กับกรมชลประทาน การประปา เป็นต้น มูลค่างานประมาณ 200 ล้านบาท คาดเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้
ผลการดำเนินงานโดยรวมในปีนี้ นายนพดล คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ทำให้กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ มีการชะลอการลงทุนออกไป แต่ในปี 62 เชื่อว่า ทิศทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จะเติบโตได้ 20-25% จากปีนึ้ เป็นไปตามยอดขายตู้ไฟฟ้าฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการเติบโตดี อีกทั้งบริษัทมีแผนจะจัดตั้งสำนักงานขายที่ประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ภายในปีหน้า เพื่อเข้ารับงานในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมท้องถิ่น โดยตั้งเป้าจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปีนี้อยู่ที่ 10%
ขณะที่โรงงานผลิตตู้ที่มีคุณภาพสูงแห่งใหม่ของบริษัทจะสามารถเดินเครื่องเขิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2/62 ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 4,000 ตู้/ปี จากเดิม 3,000 ตู้/ปี ประกอบกับปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 600 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 40% และปีหน้า 60%
พร้อมกันนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างนำเสนอ โปรดักส์ใหม่ แบตเตอรี่แปลงไฟ ให้กับผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า SPP Hybrid คาดว่าจะได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป และรับรู้รายได้เข้ามาทันที ซึ่งขณะนี้ทางผู้ผลิตไฟฟ้าดังกล่าว อยู่ระหว่างการทำ EIA หากดำเนินการแล้วเสร็จก็จะสามารถดำเนินการสั่งโปรดักส์ได้ทันที
ส่วนความคืบหน้าความร่วมกับบริษัท ไทย เทอร์โบ เจนเนอร์เรเตอร์ จำกัด (TTG) และจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อรองรับการร่วมทำธุรกิจให้บริการออกแบบ จัดหาระบบไฟฟ้าและพลังงาน จะต้องรอกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) อนุมัติเงินสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการที่มีความต้องการลดต้นทุนด้านการบริหาร จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ได้ในขณะนี้