ข่าวดีรับสัปดาห์ใหม่! “ทรัมป์-สี” เห็นพ้องพักรบทางการค้า 90 วัน ระบุชัดไม่ขยับภาษีเพิ่ม!

ข่าวดีรับสัปดาห์ใหม่! "ทรัมป์-สี" เห็นพ้องพักรบทางการค้า 90 วัน ระบุชัดไม่ขยับภาษีเพิ่ม!


แถลงการณ์จากทำเนียบขาวแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำในที่ประชุมซัมมิต G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ธ.ค.61) ตามเวลาท้องถิ่นนั้น ภายหลังการหารือกันนานร่วม 2 ชั่วโมงครึ่งระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สามารถบรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทชั่วคราวได้สำเร็จ

โดยปธน.ทรัมป์ยอมรับเงื่อนไขว่า สหรัฐฯ จะยังคงอัตราภาษีที่เรียกเก็บกับสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่อัตรา 10% ตามเดิม โดยยังไม่เพิ่มเป็น 25% ในเดือนมกราคมปีหน้าตามเส้นตายที่กำหนดไว้ ส่วนข้อแลกเปลี่ยนก็คือ จีนจะยอมนำเข้าสินค้าเกษตรและพลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อลดยอดการขาดดุลการค้าระหว่างสองประเทศ

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้เป็นเพียงการสงบศึกชั่วคราวเท่านั้น โดยหลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะเริ่มต้นเจรจาข้อพิพาททางการค้าที่ยังสะสางกันไม่ได้ ทั้งปัญหาการบังคับถ่ายทอดเทคโนโลยี และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยแถลงการณ์ระบุว่า จีนและสหรัฐฯ เห็นพ้องว่า การเจรจาเพื่อยุติปัญหาจะต้องเสร็จสิ้นภายใน 90 วัน หากทั้งคู่ตกลงกันไม่ได้ สหรัฐฯ จะขยับพิกัดอัตราภาษีจาก 10% เป็น 25%

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนทั้งหมด หากตนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประสบความล้มเหลวในการเจรจาข้อตกลงการค้า โดยทั้งสองผู้นำพร้อมที่จะประชุมร่วมกันในช่วงก่อนการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในสัปดาห์นี้

โดยคำขู่ดังกล่าวมีขึ้นขณะปธน.ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล โดยคาดว่ามีจุดประสงค์เพื่อบีบให้จีนยอมอ่อนข้อมากขึ้น โดยนายทรัมป์ได้กล่าวโทษจีนหลายครั้งว่าจีนดำเนินการค้าอย่างไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณครึ่งหนึ่งของสินค้าจีนทั้งหมดที่สหรัฐนำเข้ามาในแต่ละปี เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลจีนได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีของสหรัฐ

โดย หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานบทสัมภาษณ์ของปธน.ทรัมป์ว่า “หากเราทำข้อตกลงกันไม่ได้ ผมก็พร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีในวงเงินเพิ่มอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์ ที่อัตรา 10% หรือไม่ก็ 25%”

 

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่จะมีการจัดประชุมซัมมิต G20 ซึ่งสหรัฐฯและจีนสามารถยุติข้อพิพาทชั่วคราวดังกล่าวได้นั้น ทั้ง 2 ประเทศ ได้ออกมาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้กันและกัน จนกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกต่างพูดถึงและจับตามอง

โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา คณะทำงานของปธน.ทรัมป์ ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตแรกในอัตรา 25% วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และหลังจากนั้นไม่นาน จีนก็ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราและวงเงินที่เท่ากัน โดยการที่สหรัฐฯ ออกมาตรการเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนทั้ง 2 ล็อตคิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ในอัตราและวงเงินที่เท่ากัน

ขณะที่ เมื่อช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ประกาศรายการสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีนที่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนการเรียกเก็บภาษีสินค้าล็อตที่ 2 วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงว่า จีนจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบและรถยนต์ โดยการดำเนินการดังกล่าวของจีนมีขึ้นเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.61

 

Back to top button