TISCO มั่นใจ “สมหวัง เงินสั่งได้” ขยายตัว 40% หนุนสินเชื่อปี 62 โต 4%

TISCO มั่นใจ “สมหวัง เงินสั่งได้” ขยายตัว 40% หนุนสินเชื่อปี 62 โต 4%


นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อปี 62 เติบโต 4% จากปีก่อนหดตัว 4.3% โดยในปีนี้ธนาคารยังคงเดินหน้าขยายการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้” ซึ่งเป็นกลุ่มสินเชื่อหลักที่เป็นแรงหนุนต่อการขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้ ซึ่งตั้งเป้าสินเชื่อสมหวัง เงินสั่งได้เติบโตในปี 62 ที่ 30-40% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่เติบโต 40%

ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ซึ่งเป็นหนึ่งในสินเชื่อหลักของธนาคารจะมีการเติบโตในปีนี้ราว 4-5% ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี 62 คาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน เพราะการแข่งขันของตลาด และผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยตามเกณฑ์การกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ที่จะเริ่มใช้ในเดือนเม.ย.นี้

ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีคาดว่าจะทรงตัวในปีนี้ เพราะสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ธนาคารปล่อยให้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มดีลเลอร์รถยนต์ที่ยังมีสต็อกรถยนต์อยู่จำนวนหนึ่ง ทำให้มีความต้องการใช้สินเชื่อไม่มาก และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยราว 5-10% โดยคาดว่าจะมาจากกลุ่มลูกค้าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อก่อสร้างโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยที่ปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างรวม 2.4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยประมาณ 80% สินเชื่อเอสเอ็มอี น้อยกว่า 10% และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ 15%

สำหรับแนวโน้มของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของธนาคารในปี 62 คาดว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อนที่ทรงตัว หรือ 0% เนื่องจากธุรกิจนายหน้าขายประกันและธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขายกองทุนรวมยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจนายหน้าขายประกันที่ธนาคารได้มีการร่วมกับพันธมิตรบริษัทประกันในการขายประกันไปพร้อมกับการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนที่ทำให้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 62 คาดว่าจะยังทรงตัวจากปีก่อนที่ระดับ 2.86% ซึ่งธนาคารยังไม่มีนโยบายการขาย NPL ออกไป และยังคงเน้นการบริหารหนี้เอง แต่การที่ NPL ยังไม่มีแนวโน้มลดลง เพราะภาวะเศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงและความผันผวนอยู่ในระดับหนึ่ง ทำให้ NPL จะปรับตัวลดลงได้ค่อนข้างยาก ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ ซึ่งธนาคารจะไม่เป็นผู้นำในการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่จะเป็นการดำเนินงานตามทิศทางของธนาคารอื่น โดยที่ปัจจุบันแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารอื่น ๆจะทยอยปรับเพิ่มขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารยังคงสูงที่สุด 1.50% ต่อปี ในผลิตภัณฑ์เงินฝากบลูไดมอนด์ เงินฝากขั้นต่ำ 1 ล้านบาท

นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TISCO กล่าวว่า ปี 62 ยังคงเป็นปีแห่งความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ โดยความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุนโลกจากหลายปัจจัยคาดว่าจะมีแรงกดดันต่อเนื่องในปีนี้ อาทิ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่ยังคงยืดเยื้อ และหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตามที่มีการคาดการณ์ ผลกระทบต่อตลาดทุนโลกจะมากกว่าผลกระทบที่เกิดจากสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปทุกประเทศรวมกันมีขนาดใหญ่กว่า

สำหรับประเทศไทยประเมินว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ระดับ 4% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก แต่อุปสงค์ในประเทศที่ยังขยายตัว โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาทิ สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉะบัง ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้และมีเม็ดเงินลงทุนเป็นสองเท่าของปี 61 จะทำให้ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นและลงทุนตามมา

Back to top button