CGD เล็งทุ่ม 3.7 พันลบ.ลงทุนรร.นานาชาติ แตกไลน์ธุรกิจใหม่หวังกระจายความเสี่ยง

CGD เล็งทุ่ม 3.7 พันลบ. ลงทุนรร.นานาชาติ แตกไลน์ธุรกิจใหม่หวังกระจายความเสี่ยง


บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (21 ม.ค.) อนุมัติให้บริษัทลงทุนในโครงการโรงเรียนนานาชาติ บนที่ดินขนาด 16 ไร่ 2 งาน 18.6 ตารางวา บริเวณถนนวงแหวนอุตสาหกรรม แขวงช่องนนทรีย์ เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร โดยมีเงินลงทุนจำนวนไม่เกิน 3,742 ล้านบาท (ไม่รวมมูลค่าที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท) ซึ่งประกอบด้วยค่าก่อสร้าง รวมถึงค่าออกแบบ ค่าจ้างที่ปรึกษา และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 63

ทั้งนี้ บริษัทจะทำการจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อเป็นผู้ถือใบอนุญาตการจัดตั้งโรงเรียน และจะมีผู้ดำเนินการธุรกิจโรงเรียน (School Operator) เป็นผู้บริหารงานกิจการโรงเรียน โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาและตกลงเงื่อนไขทางการค้ากับผู้ดำเนินการธุรกิจโรงเรียน และจะเข้าทำสัญญากับผู้ดำเนินการธุรกิจโรงเรียนดังกล่าว ภายหลังจากได้ข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขทางการค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับแหล่งเงินลงทุนจะมาจาก 2 ส่วน ประกอบด้วย การกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และ/หรือเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท โดยเบื้องต้นบริษัทจะเริ่มพัฒนาและก่อสร้างโครงการภายในเดือนส.ค.62 คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 25 เดือน

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนลงทุนและพัฒนาโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ซึ่งจะบริหารงานโดยผู้ดำเนินการธุรกิจโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยจะเปิดสอนนักเรียนตั้งแต่อายุ 2-18 ปี ในหลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้เพื่อตรงสู่ระบบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาชั้นนำของโลก หลักสูตรดังกล่าวจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาของเด็กในด้านความเป็นเลิศทางวิชาการและในด้านบุคลิกภาพผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ โดยจะเปิดสอนระดับชั้นก่อนประถมศึกษา (เตรียมอนุบาล) จนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย มีความจุนักเรียนสูงสุด 1,750 คน

โดยการลงทุนในกิจการโรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพฯ เป็นการลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตสูง ความต้องการของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจโรงเรียนนานาชาติมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยสูงถึง 8% ต่อปี นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มศักยภาพ สร้างความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงให้บริษัทสำหรับการทำธุรกิจในประเภทนี้ ทำให้บริษัทสามารถขยายการลงทุนในธุรกิจนี้ในอนาคต หากพิจารณาในอนาคตว่ามีโอกาสที่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังจะช่วยกระจายความเสี่ยงในธุรกิจ ทำให้ไม่ต้องพึ่งพารายได้จากกลุ่มธุรกิจเดียว แต่ยังสามารถรับรู้รายได้จากอีกกลุ่มธุรกิจที่มีปัจจัยความเสี่ยงแตกต่างกัน รวมถึงยังจะสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องในระยะยาว (Recurring Income) ในแก่บริษัทด้วย

Back to top button