SAWAD ปี 61 โกยกำไร 3 พันลบ. จ่อปันผลหุ้น-เงินสด มั่นใจผนึก”คาเธ่ย์ฯ”หนุนผลงานปีนี้โตต่อ

SAWAD ปี 61 โกยกำไร 3 พันลบ. จ่อปันผลหุ้น-เงินสด มั่นใจผนึก "คาเธ่ย์ฯ" หนุนผลงานปีนี้โตต่อ พร้อมชงผู้ถือหุ้นไฟเขียวออกหุ้นกู้ 3 หมื่นลบ. จากเดิม 1.5 หมื่นลบ. 24 เม.ย.นี้


นางสาวธิดา  แก้วบุตตา ผู้อำนวยฝ่ายกลยุทธ์องค์กร  บริษัทศรีสวัสดิ์  คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 3,000.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.74 ล้านบาทหรือ เพิ่มขึ้น 10.52%  เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 2,751.15 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมงวดปี 2561 อยู่ที่   7,881.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีรายได้รวม 6,998.6 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในส่วนของรายได้รวมปี 2560 จำนวน 6,998.6 ล้านบาทนั้น หากไม่นับรายการพิเศษจากการปรับปรุงมูลค่าสินทรัพย์ที่ได้มาที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 185.65 ล้านบาท และกำไรจากการขายเงินลงทุนของบริษัทย่อย 154.85 ล้านบาท  และรายการกำไรจากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนจำนวน 102.06 ล้านบาท กลุ่มบริษัทศรีสวัสดิ์จะมีรายได้รวมปี 2560 จำนวน 6,556.13 ล้านบาท  และเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวมปี 2561 จำนวน 7,881.3 ล้านบาท รายได้รวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 20.2%

สำหรับการเติบโตของรายได้รวมในปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากพอร์ตลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นจาก 22,916.85 ล้านบาทในปี 2560  เป็น 29,573.18  ล้านบาทในงวดสิ้นปี 2561  เพิ่มขึ้น 29.05% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของพอร์ตลูกหนี้ดังกล่าวมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของกลุ่มบริษัทที่ต้องการให้บริการลูกค้าคลอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีสาขาจำนวน 2,870 สาขา  และปีนี้ตั้งเป้าว่ามีสาขาทั้งหมด 3,100 สาขา

ส่วนตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2561 ได้ปรับลดลงมาเหลือที่ 3.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีเอ็นพีแอลประมาณ 3.94% เนื่องจากระบบการบริหารหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 388.35  ลดลง 5.46 ล้านบาท จากงดเดียวกันของปี 2560 จำนวน  393.81 ล้านบาท

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ ยังเติบโตต่อเนื่อง หลังจากที่กฎระเบียบการปล่อยสินเชื่อมีความชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับทางกลุ่มคาเธ่ย์ ไต้หวัน  ซึ่งเป็นกลุ่มการเงินขนาดใหญ่และน่าเชื่อถือของไต้หวัน ได้ใส่เงินเพิ่มทุนให้กับบริษัทครบทั้งจำนวนกว่า 2.5 พันล้านบาท  ทำให้ฐานะการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่ง มีต้นทุนการเงินที่ถูกลง จึงมีความพร้อมที่จะขยายสินเชื่อมากขึ้น

“กลุ่มคาเธ่ย์ไต้หวัน ใส่เงินเพิ่มทุนมาครบแล้ว ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็นประมาณ 10%   ซึ่งทางกลุ่มคาเธ่ย์ไต้หวัน ยืนยันว่าจะเข้ามาลงทุนในระยะยาว และจะเข้ามาเกื้อหนุนธุรกิจร่วมกันในอนาคต” นางสาวธิดากล่าว

ขณะที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ (26 ก.พ.) อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 134.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.112 บาท โดยการจ่ายเงินปันผลจะจ่ายเป็นหุ้นสามัญและเงินสด ดังนี้ จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.012 บาท และจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัท ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ  0.10 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2562  และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 22 พฤษภาคม 2562

ทั้งนี้ บริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 1,249,710,379 บาท เป็น 1,374,661,443 บาท โดยออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 124,951,064 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท จัดสรรจำนวน  120,477,158 หุ้น เพื่อรองรับการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญ และจัดสรรหุ้นจำนวน  4,473,906 หุ้น  เพื่อรองรับการปรับสิทธิแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1

นอกจากนี้ให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติออกและเสนอขายหุ้นกู้ จากเดิมที่มีวงเงินออกและเสนอขาย 15,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท  สำหรับหุ้นกู้ระยะสั้นไม่เกิน 270 วัน และสำหรับหุ้นกู้ระยะยาวไม่เกิน 10 ปี โดยกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันที่  24  เม.ย.62

Back to top button