LPH เปิดแผนปี 62 เล็งทุ่มงบ 300 ลบ.ขยายพื้นที่ศูนย์เฉพาะทางหวังรองรับผู้ใช้บริการเพิ่ม
LPH เปิดแผนปี 62 เล็งทุ่มงบ 300 ลบ.ขยายพื้นที่ศูนย์เฉพาะทางหวังรองรับผู้ใช้บริการเพิ่ม
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยถึงแผนธุรกิจปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากฐานผู้ป่วยประเภทชำระเงินเองมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นกลุ่มคนไข้ทั่วไปตั้งเป้าเติบโตไม่น้อยกว่า 50%
โดยเพิ่มจากกลุ่มธุรกิจตรวจสุขภาพนอกสถานที่ คาดปีนี้มีรายได้จากการตรวจสุขภาพประมาณ 160-200 ล้านบาทและกลุ่มคนไข้ต่างประเทศทั้งกลุ่มอาเซียนและอาหรับรวม 80 ล้านบาท บริษัทมีแผนมุ่งเน้นขยายบริการด้านการรักษาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพิ่มทีมแพทย์เฉพาะทาง และการเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent Center) ครบ 10 ศูนย์ มีการขยายพื้นที่การให้บริการต่างๆ ในปี 2562 คาดว่ารายได้ของ LPH แบ่งเป็น ผู้ป่วยประเภทเงินสด 60% และรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคม 40% ที่ขณะนี้โควตาเต็มแล้วอยู่ที่ 1.61 แสนราย
ส่วนโรงพยาบาลขยายศักยภาพสู่ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์จากเดิม 5 ศูนย์ เป็น 10 ศูนย์ ศูนย์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ศูนย์สุขภาพสตรี, ศูนย์สุขภาพเด็ก, ศูนย์ตรวจสุขภาพ, ศูนย์ทันตกรรม และศูนย์หัวใจ เป็นการลงทุนขยายพื้นที่บริการ ซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย คาดใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จำนวนผู้ป่วยทั่วไปที่เป็นคนไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านความคืบหน้าการก่อสร้างโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกาคลอง 6 วางแผนก่อสร้างต้นปี 2563 แบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือช่วงแรกก่อสร้างจำนวน 100 เตียงงบลงทุนไม่เกิน 400 ล้านบาท เน้นเป็นโรงพยาบาลแม่และเด็กซึ่งอยู่ในชุมชนที่มีการขยายตัวสูงและเป็นศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ต้นปี 2565 ส่วนช่วงที่ 2 จะขยายเพิ่มขึ้นอีก 80 เตียงหลังจากเปิดดำเนินการแล้ว 5 ปี
“ปี 62 เรามองไปที่การขยายธุรกิจโรงพยาบาลในลักษณะการให้บริการตรวจสุขภาพ นอกสถานที่ ซึ่งตามกฎหมายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องตรวจสุขภาพพนักงานทุกปี ต้องมีการตรวจด้านอาชีวอนามัย มีห้องพยาบาล มีแพทย์ ซึ่งในปีนี้เรามีความพร้อมที่จะรับงานด้านนี้ โดยตั้งเป้าตรวจสุขภาพนอกสถานที่ในปี 62 ไว้ที่ประมาณ 1.5-2 แสนคน โดยในกรุงเทพฯจะมุ่งเน้น กลุ่มลูกค้าสถาบัน บริษัทเอกชน และห้างร้านขนาดใหญ่ โดยบริษัทพร้อมตั้งทีมบริการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีประสบการณ์ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนรายได้จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 160-200 ล้านบาท” ดร.อังกูร กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนปรับโครงสร้างบริษัทย่อย คือ บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเชีย จำกัด (AMARC) ในปี 62 คาดว่าจะมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องกว่าร้อยละ 15-20% และกำไรสุทธิหากเข้าเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์จะนำหุ้นบริษัทเข้าจดทะเบียนเพื่อขยายธุรกิจตามแผนลงทุนต่อไป คาดว่าจะแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินประมาณต้นปี 2563
ด้านผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2561 (เดือนม.ค.-สิ้นสุดเดือนธ.ค.2561) มีรายได้รวม 1,588.67 ล้านบาท มีปัจจัยขับเคลื่อนจากการเติบโตร้อยละ 5.5ของรายได้จากกิจการสถานพยาบาลและ19.4% จากธุรกิจบริการ การใช้จ่ายเพื่อสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันที่มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษามาก ประกอบกับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ทั้ง 5 ศูนย์ สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการขยายฐานของกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการของบริษัทย่อย AMARC อย่างไรก็ตาม การเตรียมการรองรับผู้มาใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งอาคารสร้างใหม่ เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงบุคคลากรที่มีคุณภาพรองรับการเติบโตดังกล่าว ส่งผลให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่มกิจการเพิ่มขึ้น ในขณะที่บริษัทรับรู้ผลขาดทุนซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของราคาหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในรอบปี 9.55 ล้านบาท ในขณะที่ปีที่แล้วกำไร 26.66 ล้านบาท
ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 156.95 ล้านบาท ลดลง 19% จากปีที่ผ่านมา ที่มีกำไร 193.83 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะยกเลิกกองทุนและนำเงินมาลงทุนตามแผนงานเมื่อผลประกอบการกองทุนดีขึ้นในปี 2562
อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น และสะท้อนความเชื่อมั่นการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท งวดผลการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2561 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ในอัตรา 84.98% จากผลประกอบการกำไรสุทธิประจำปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คงเหลือการจ่ายเงินปันผลอีกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 30 เม.ย.62 วันที่จ่ายปันผล 17 พ.ค.62