WHAUP กางแผน 5 ปี ทุ่มหมื่นลบ.สยายปีกอาเซียน ประเดิมซื้อกิจการน้ำเวียดนามหนุนผลงานโตแกร่ง
WHAUP กางแผน 5 ปี ทุ่มหมื่นลบ.สยายปีกอาเซียน ประเดิมซื้อกิจการน้ำเวียดนามหนุนผลงานโตแกร่ง
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการลงทุน 5 ปี (62-66) ได้วางงบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ขยายกิจการทั้ง Organic และ Inorganic โดยเฉพาะการซื้อกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขึ้นกับราคาและโอกาสที่เหมาะสม
ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเข้าซื้อกิจการน้ำประปาในประเทศเวียดนาม ส่วนหนึ่งเป็นการขยายกิจการตามกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ที่เตรียมเปิดนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ โดยรัฐบาลเวียดนามมีแผนขายหุ้นในกิจการน้ำประปาให้เอกชนเข้ามาบริหาร คาดแผนซื้อกิจการดังกล่าวน่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้น บริษัทยังมองหาโอกาสธุรกิจด้านสาธารณูปโภคในเวียดนามด้านอื่นเพิ่มเติมด้วย
“เวียดนามกำลังเติบโตมาก และเชื่อว่าจะเติบโตแบบนี้ไปอีก 10-20 ปี เพราะประชากรกว่า 100 ล้านคนที่กำลังเข้าสู่วัยทำงาน ทำให้การบริโภคในประเทศเติบโตสูงต่อเนื่อง ปัจจุบันนโยบายทางการเวียดนามส่งเสริมลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภค เช่น ธุรกิจน้ำประปาที่มีกิจการอยู่ทั่วประเทศ และทางการมีนโยบายเตรียมเปิดประมูลขายหุ้นออกมา บริษัทเตรียมเข้าไปพิจารณาในส่วนนี้ ซึ่งเป็นการให้บริการทั้งภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม แตกต่างกับโมเดลในไทย ถ้าหากเราเริ่มซื้อกิจการแล้ว น่าจะเห็นการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมในเวียดนามช่วง 1-2 ปีข้างหน้าได้อย่างแน่นอน” นายวิเศษ กล่าว
นายวิเศษ ยอมรับว่า แนวโน้มในอีก 5-10 ปีข้างหน้า บริษัทต้องการยกระดับขึ้นเป็นผู้ประกอบการธุรกิจสาธารณูปโภคในอาเซียน นอกจากเวียดนามแล้ว ยังมองโอกาสลงทุนในเมียนมาเพิ่มเติม แต่อยู่ระหว่างพิจารณาความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเฉพาะกฎระเบียบทางการที่ยังไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้น จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนในระยะถัดไป
ส่วนภาพรวมผลประกอบการปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,708 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,252 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจาก 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าที่เมื่อวันที่ 1 ม.ค.62 เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้า กัลฟ์ เอ็นแอลแอล 2 (GNLL2) เป็นโครงการโรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนหุ้นทั้งหมด 540 เมกะวัตต์ และช่วงครึ่งปีแรกจะทยอยติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับลูกค้าหลายราย และโรงไฟฟ้าขยะ ขนาดกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 2.30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ปลายปีนี้ ทำให้เชื่อว่าสิ้นปีมีโอกาสที่กำลังการผลิตตามสัดส่วนหุ้นจะสูงกว่าเป้าที่ 570 เมกะวัตต์
สำหรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP2018) บริษัทมีความพร้อมเข้าประมูลในส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บนทุ่นลอยน้ำ ร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ หรือ Hydro-Floating Solar Hybrid รวมกำลังการผลิต 2,725 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากภาครัฐ ขณะที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญการติดตั้งและมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่ม WHA อยู่แล้ว นับเป็นโอกาสขยายพอร์ตธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศเพิ่มเติม
ขณะที่ธุรกิจน้ำประปาคาดว่าทั้งปีจะเติบโตได้ราว 2-3% จากปีก่อนที่มีปริมาณขายน้ำประปาและบำบัดน้ำเสียรวม 105 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้จะเป็นอัตราเติบโตไม่สูง แต่ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับธุรกิจจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ ที่ในช่วงเดือน เม.ย.62 โครงการดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด เอ็นจีดี 4 เป็นโครงการที่ 2 และล่าสุดอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาโครงการดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด เอ็นจีดี3 ที่กำลังทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางระดมทุนเพื่อนำมาขยายการลงทุน โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือในตลาดทุน อาทิ การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ เนื่องจากสินทรัพย์บริษัทส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ แต่คงจะต้องพิจารณาผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยว่าจะสอดคล้องกับศักยภาพทำกำไรของสินทรัพย์บริษัทได้อย่างไร