BGRIM บวก 3% โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เคาะเป้า 35 บ. คาดกำไรปี 62 แกร่งสุดกลุ่มโรงไฟฟ้า

BGRIM บวก 4% โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" เคาะเป้า 35 บ. คาดกำไรปี 62 แกร่งสุดกลุ่มโรงไฟฟ้า โดย ณ เวลา 15.19 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 30.25 บาท บวก 1 บาท หรือ 3.42% สูงสุดที่ 30.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 29.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 408.45 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ณ เวลา 15.19 น. อยู่ที่ระดับ 30.25 บาท บวก 1 บาท หรือ 3.42% สูงสุดที่ 30.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 29.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 408.45 ล้านบาท

ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ (28 มี.ค.62) แนะนำ “ซื้อ” BGRIM ราคาเป้าหมาย 35 บาท/หุ้น โดยเชื่อว่าไตรมาสที่แย่ที่สุดของ BGRIM ได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยกำไรจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/62 เป็นต้นไป นอกจากนี้คาดว่า BGRIM จะรายงานกำไรในปี 2562 เติบโตแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟา (จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวและกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น) นอกจากนี้ ยังมีอัพไซต์จากโอกาสปรับขึ้นค่า Ft และการลงทุนอื่นๆในอนาคต ปัจจัยดังกล่าวกอปรกับราคาหุ้นที่ยังถูก ทำให้ยังชอบ BGRIM มากที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟา SPP

โดย BGRIM จะมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 633MWe ในปีนี้ คิดเป็นการเติบโต 52% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน (เติบโตแรงเป็นอันดับสองในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟาที่เราให้คำแนะนำ ตามหลัง GPSC ที่เติบโต 211% จากการเข้าซื้อ GLOW) นอกจากนี้ มองว่าไตรมาสที่แย่ที่สุดของ BGRIM ได้ผ่านพ้นไปแล้วในไตรมาส 4/61 ซึ่งแม้ว่าค่า Ft จะไม่มีการปรับขึ้นจากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 2/62 แต่ราคาก๊าซที่คาดว่าจะปรับตัวลงจากไตรมาสก่อน จะหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของ BGRIM ขยายตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/62 เป็นต้นไป นอกจากนี้ กกพ.อาจประกาศขึ้นค่า Ft ในเดือน ก.ค. 2562 (หลังการเลือกตั้ง) ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวต่อเนื่องทุกๆไตรมาสตลอดปี 2562

ทั้งนี้ คาดว่า BGRIM จะรายงานกำไรหลักในไตรมาส 1/62 ที่ 420 ล้านบาท (ลดลง 18% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 92% จากไตรมาสก่อน) และ ในไตรมาส 2/62 ที่ 659 ล้านบาท (ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 57% จากไตรมาสก่อน) และอาจสร้างสถิติกำไรสูงสุดใหม่ ในไตรมาส 3/62 หนุนโดยการดำเนินการเต็มไตรมาสของโซลาร์ฟาร์มในประเทศเวียดนามขนาด 437MWe ซึ่งจะเริ่มดำเนินการภายในเดือน มิ.ย. 2562  ทั้งนี้เราคาดว่า BGRIM จะรายงานกำไรหลักปี 2562 ที่ 3.2 พันล้านบาท เติบโต 71% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน (เติบโตเร็วที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่บล.บัวหลวงให้คำแนะนำ)

อย่างไรก็ดี นอกจากแนวโน้มกำไรหลักที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2562 แล้ว BGRIM ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องทั้งโรงไฟฟาเชื้อเพลิงฟอสซิลและโครงการพลังงานทดแทนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย โดยอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมในประเทศเกาหลี ไต้หวัน ลาว ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และไทย ซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตรวม 800MW และคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2563 โดยหาก BGRIM มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น ก็จะถือเป็นอัพไซต์ต่อประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของเรา

โดยรวมการโครงการ SPP 1 เข้าไปในประมาณการของเรา ส่งผลให้ประมาณการกำไรหลักของเราในปี 2562 เพิ่มขึ้น 1% มาอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท (เติบโต 71% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) และ ในปี 2563 เพิ่มขึ้น 3% มาอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท (เติบโต 38% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) ทั้งนี้เราปรับเลื่อนสมมติฐานกำหนดการ COD ของโครงการน้ำคาว (โครงการพลังงานน้ำในประเทศลาว ขนาดกำลังการผลิต 49MWe) ในประมาณการของเรา ส่งผลให้ปรับประมาณการกำไรหลักปี 2564 ลง 9% มาอยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท (เติบโตขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน)

อย่างไรก็ตาม ยังคงราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2562 ตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่ 35 บาท เนื่องจากผลกระทบเชิงบวกจากการเข้าซื้อโรงไฟฟา SPP 1 จาก GLOW ได้กลบผลกระทบเชิงลบจากความล่าช้าของโครงการน้ำคาว

อนึ่ง หุ้น BGRIM ถูกซื้อขายด้วย PEG ปี 2562 เพียง 0.4 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟา (เชื้อเพลิงฟอสซิล) ที่เราให้คำแนะนำ แนวโน้มกำไรที่เติบโตอย่างอย่างโดดเด่นกอปรกับราคาหุ้นที่ยังถูก ส่งผลให้ BGRIM ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟา SPP

Back to top button