SMPC วางเป้ารายได้ปีนี้โตทะลุ 5 พันลบ.รับยอดขายพุ่ง ซุ่มเจรจาพันธมิตรแอฟริกาผุดโรงงานใหม่

SMPC วางเป้ารายได้ปีนี้โตทะลุ 5 พันลบ.รับยอดขายพุ่ง ซุ่มเจรจาพันธมิตรแอฟริกาผุดโรงงานใหม่


นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,696.88 ล้านบาท ตามปริมาณการขายที่ 7.9 ล้านใบ สูงกว่าปีก่อนที่ 6.9 ล้านใบ โดยจะใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 79% จากกำลังการผลิตทั้งหมด 10 ล้านใบต่อปี ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งปริมาณและมูลค่าตามความต้องการใช้ถังก๊าซที่เติบโตในภูมิภาคเอเชียใต้และแอฟริกา

นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มส่งสินค้าให้กับประเทศบังกลาเทศ และประเทศศรีลังกาแล้ว หลังจากในช่วงไตรมาส 4/61 ที่ผ่านมาไม่สามารถส่งสินค้าไปได้เนื่องจากปัญหาทางด้านการเงินของลูกค้า และค่าเงินที่อ่อนค่าลงค่อนข้างมาก แต่ปัญหาดังกล่าวได้แก้ไขไปเรียบร้อยและเริ่มส่งสินค้าได้แล้ว

สำหรับงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ราว 100 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการลงทุนระบบการผลิตอัตโนมัติ ซึ่งสามารถลดปริมาณคนได้ราว 20% และมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะสูงกว่าปีก่อนทที่ 11.89%

“ปีที่ผ่านมาจริงๆเรามีคำสั่งซื้อเข้ามาอยู่แล้ว แต่ด้วยปัญหาของลูกค้าที่ไม่สามารถเปิด LC ได้ และค่าเงินของลูกค้าที่อ่อนตัวลงค่อนข้างมาก ส่งผลให้ต้องมีการชะลอการส่งสินค้าไป แต่ในปัจจุบันเราเริ่มส่งสินค้าได้แล้ว และเรายังมีคำสั่งซื้อใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมด้วย ปีนี้เราจึงมั่นใจว่ารายได้จะทะลุ 5,000 ล้านบาทได้ และด้วยการผลิตที่มากขึ้นทำให้เกิด economy of scale รวมถึงการเน้นบริหารจัดการต้นทุน ออกสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น จะทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นแน่นอนในปีนี้” นายสุรศักดิ์ กล่าว

นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในทวีปแอฟริกาเพื่อตั้งโรงงานผลิตถังก๊าซกำลังการผลิต 2.5 ล้านใบต่อปี ด้วยงบลงทุนราว 400 ล้านบาท โดยปัจจุบันเจรจาคืบหน้าไปกว่า 70-80% แล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 62 นี้ ซึ่งบริษัทยังยืนยันที่จะถือหุ้นมากกว่า 50%

“ด้วยกำแพงภาษีที่ค่อนข้างสูงทำให้เราต้องมีการปรับตัวเพื่อที่จะให้สามารถเข้าไปแข่งขันได้ และปัจจุบันเราก็มีการเจรจาไป 70-80% แล้ว ในปีนี้เราก็จะได้รู้ผล โดยการก่อสร้างโรงงานจะต้องใช้ระยะเวลาราว 1 ปี แต่อาจจะเริ่มผลิตได้บางส่วนในกลางปี 63 เลย จากการนำชิ้นส่วนจากประเทศไทยเข้าไป ซึ่งจะช่วยลดภาษีได้บางส่วน และจะเพิ่มยอดขายให้บริษัทได้เร็วขึ้น” นายสุรศักดิ์ กล่าว

 

Back to top button