UAC จากขี้หมูสู่ขยะทองคำ

ฮือฮา!.เมื่อบริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเกมรุก “ธุรกิจบริหารจัดการขยะ” นครวียงจันทน์ สปป.ลาว มูลค่าลงทุน 1,000 ล้านบาท ได้สิทธิการบริหารจัดการขยะ 45 ปี เป้าหมายสร้างรายได้ 350-400 ล้านบาทต่อปีและคืนทุนภายใน 5 ปี


สำนักข่าวรัชดา

ฮือฮา!.เมื่อบริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเกมรุก “ธุรกิจบริหารจัดการขยะ” นครวียงจันทน์ สปป.ลาว มูลค่าลงทุน 1,000 ล้านบาท ได้สิทธิการบริหารจัดการขยะ 45 ปี เป้าหมายสร้างรายได้ 350-400 ล้านบาทต่อปีและคืนทุนภายใน 5 ปี

ผลพลอยได้จากการลงทุนครั้งนี้ 1)โรงไฟฟ้าขยะขนาด 6 เมกะวัตต์ (ขายให้หน่วยงานรัฐ) 2)ขายพลาสติกรีไซเคิลให้เอกชน 13,200 ตันต่อปี 3)ขายปุ๋ยอินทรีย์ให้ภาคเกษตรกรสปป.ลาว

เป็นการเบิกร่องแตกไลน์ธุรกิจของ UAC ที่น่าสนใจ ด้วยความที่ “ธุรกิจบริหารจัดการขยะ” เป็นเรื่องใหม่ในสปป.ลาว การกระชับพื้นที่ครั้งนี้..เป็นจุดเริ่มต้นการไปขยาย “ขุมทรัพย์ขยะทองคำ” ต่อไป..!!

กว่าจะมาถึงวันนี้ ย้อนไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว UAC เป็นที่ฮือฮาและรู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ “โครงการผลิตก๊าซชีวภาพอัดจากฟาร์มหมู” อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ก๊าซชีวภาพขี้หมู” นั่นเอง..และพัฒนาโรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ที่ใช้หญ้าเนเปียร์และข้าวโพดเป็นวัตถุดิบ

จะเรียกว่า UAC บุกเบิกนวัตกรรมก๊าซชีวภาพของไทย..เลยก็ว่าได้..!!

ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ UAC มาจากธุรกิจเทรดดิ้ง 60% ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 20% และธุรกิจพลังงาน 20% ส่วนธุรกิจบริหารจัดการขยะ..จะเป็นรายได้ส่วนสำคัญในอนาคตต่อไป โดย UAC มีเป้าหมายปี 2563 ยอดขายแตะระดับ 3,000 ล้านบาท

เข้าไปดูงบการเงิน UAC ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร เริ่มจากปี 2559 มีรายได้ 1,381 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 29.64 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 1,659 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 100.39 ล้านบาท ล่าสุดปี 2561 มีรายได้ 2,668 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 139.58 ล้านบาท

ทำให้เป้าหมายรายได้ 3,000 ล้านบาท ภายในปี 2563 อยู่แค่เอื้อม..หรืออาจได้เห็นภายในปีนี้ก็เป็นได้..!!

ในแง่ราคาหุ้น UAC เห็นตัวเลข P/E ต่ำกว่าระดับ 20 เท่า จากเดิมเฉลี่ยเกิน 40 เท่า ส่วนหนึ่งอาจมาจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องก็จริง..แต่ว่าตัวเลขกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้น ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ P/E เฉลี่ยอยู่ที่ 15-16 เท่า เช่นกัน..!!

มองเชิงการลงทุนระยะกลางถึงยาว ราคาหุ้นที่ย่อตัวลงมา ถือเป็นโอกาสในวิกฤติที่เข้าลงทุนได้เช่นกัน แต่ต้องใช้ความอดทนพอสมควร..

หากไม่คิดอะไรมาก..ผลตอบแทนเงินปันผล 4-5%

พอที่จะถือหุ้นได้อย่างสบายใจแล้ว…

…อิ อิ อิ…

Back to top button