GUNKUL รูด 12% รับ XD วันแรกปันผลเป็นหุ้น-เงินสด ฟากโบรกฯแนะซื้อ ชี้ไตรมาส1 กำไรโต!
GUNKUL รูด12% รับ XD วันแรก ปันผลเป็นหุ้น-เงินสด ฟากโบรกฯแนะซื้อ ชี้ไตรมาส 1 กำไรโต! ล่าสุด ณ เวลา 10.39 น. อยู่ที่ 2.74 บาท ลบ 0.36 บาท หรือ 11.61% สูงสุดที่ 2.74 บาท ต่ำสุดที่ 2.62 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 100.58 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ล่าสุด ณ เวลา 10.39 น. อยู่ที่ 2.74 บาท ลบ 0.36 บาท หรือ 11.61% สูงสุดที่ 2.74 บาท ต่ำสุดที่ 2.62 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 100.58 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น GUNKUL ปรับตัวลงแรงหลังวันนี้ (25 เม.ย.) ขึ้นเครื่องหมาย XD เป็นวันแรก โดย GUNKUL เตรียมจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.2561-31 ธ.ค.2561 เป็นหุ้นปันผลที่อัตรา 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล และปันผลเป็นเงินสด 0.01 บาท กำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 15 พ.ค.2562
ด้าน บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น GUNKUL ประเมินราคาเป้าหมายที่ 3.75 บาทต่อหุ้น (หลัง XD) โดยมองว่า การเติบโตกำไร GUNKUL ปีนี้จะถูกสนุนจากทั้งรายได้งานรับเหมาฯ และกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมที่เพิ่มมาตั้งแต่กลางปีก่อน 170MW มองเป็นหุ้นที่กำไรเปลี่ยนฐานจากระดับ 500-600 ล้านบาท มาเป็น 1.7 พันล้านบาทตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป ที่ PE ปี 2562 ที่ 13.5เท่า ยัง “ไม่แพง”
ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น GUNKUL เพื่อลงทุนระยะยาว เนื่องจาก 1) การจ่ายหุ้นปันผล อาจเป็นปัจจัยกดดันที่ทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้นจำกัดในระยะสั้น 2) แนวโน้มกำไรยังเติบโตต่อเนื่องและมั่นคงจากธุรกิจพลังงานทดแทนด้วยเป้าหมาย 1 พันเมกะวัตต์ในปี 2563 ผนวกกับมีโอกาสชนะประมูลโครงการเคเบิ้ลใต้ทะเล และ/หรือวางสายไฟฟ้าลงใต้ดิน ซึ่งคาดจะเปิดประมูลในช่วงครึ่งปีแรกปี 2562 ซึ่งถือเป็นข่าวดีช่วยหนุนราคาหุ้น หากบริษัทชนะการประมูล
อีกทั้งบริษัทจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 5 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล คิดเป็น 0.05 บาทต่อหุ้น และจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.01 บาทต่อหุ้น รวมเป็น 0.06 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้น XD เมื่อ 25 เม.ย.2562 และจ่ายในวันที่ 15 พ.ค.2562
ทั้งนี้ได้ประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 4.70 บาทต่อหุ้น (เดิม 5 บาทต่อหุ้น) เป็นผลจากหุ้นปันผล ทำให้เพิ่มจำนวนหุ้น และ EPS ปี 2562 ลดลง (ปี 2562 มี EPS ที่ 0.19 จากเดิม 0.23 บาท) ทั้งนี้ราคาเป้าหมาย 4.70 บ. (SOTP) เทียบเท่า P/E ปี 2562 ที่ 25 เท่า และ P/B ปี 2562 ที่ 3.85 เท่า
นอกจากนี้ได้ปรับเพิ่มกำไรปี 2562-2563 เพิ่มเป็น 1,698-1,816 ล้านบาท จาก 1,161-1,301 ล้านบาท เพื่อสะท้อนกำไรปกติปี 2561 ดีกว่าที่คาดไว้เดิม โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) โรงไฟฟ้าพลังลม 170 MW คาดจะสร้างกำไรราว 900- 1,000 ล้านบาท/ปี ด้วย adder 3.50 บาท/kwh เป็นเวลา 10 ปีเริ่มในปี 2561
รวมทั้ง 2) ธุรกิจก่อสร้าง (EPC) มาจากบริษัทย่อย FEC ที่มีโครงการในมือ 2 พันล้านบาท ประกอบกับปีนี้จะเข้าร่วมประมูล 3 โครงการใหญ่ของภาครัฐ คาดหวังจะชนะประมูล 10% (3 พันล้านบาท)
ทั้งนี้ แนวโน้มช่วงไตรมาส 1/62 ปรับขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน จากฐานกำไรที่ต่ำเพราะถูกกระทบจากขาดทุนพิเศษ 588 ล้านบาทในไตรมาส 1/61 และโรงไฟฟ้าพลังลมยังอยู่ในช่วง High Season (ม.ค.-ก.พ.ของทุกปี)