ดักเก็บ IVL โบรกฯชูหุ้นปลอดภัยกลุ่มปิโตรฯ ลุ้นกำไร Q2 โตเด่น เคาะเป้า 74 บ.ดันอัพไซด์ 52%
ดักเก็บ IVL โบรกฯชูหุ้นปลอดภัยกลุ่มปิโตรฯ ลุ้นกำไร Q2 โตเด่น เคาะเป้า 74 บ.ดันอัพไซด์ 52%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ภายหลังมีนักวิเคราะห์กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายสูงที่ระดับ 74 บาท
ทั้งนี้ จากราคาปิดของหุ้น IVL วานนี้ (25 มิ.ย.62) ที่ระดับ 48.75 บาท บวก 1 บาท หรือ 2.09% สูงสุดที่ระดับ 49.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 48 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.8 พันล้านบาท ส่งผลให้มีส่วนต่างราคาหุ้นที่ระดับ 51.79%
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ระบุว่า ขณะนี้เลือกหุ้น IVL เป็นหุ้นปลอดภัยสุดในกลุ่มปิโตรเคมี คาดกำไรต่ำสุดรายไตรมาสได้ผ่านไปแล้วในงวดไตรมาส 1/2562 โดยประเมินว่าช่วงไตรมาส 2/2562 กำไรปกติมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นจากไตรมาส 1/2562 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุด (High Season) ของธุรกิจ PET
ประกอบกับโรงงาน MEG ที่มีมาร์จิ้นสูงในสหรัฐฯ จะกลับมาเดินเครื่องผลิตตั้งแต่เดือน พ.ค. 2562 หลังจากปิดซ่อมบำรุงในช่วงที่ผ่านมา และคาดส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่ม PET จะปรับตัวดีขึ้นตามฤดูกาล
ทั้งนี้ ประเมินว่าภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2562 คาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 11.70% จากปี 2561 และคาดว่าจะเติบโตอีก 13.80% ในปี 2563 โดยแม้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์จะอยู่ระดับต่ำ แต่คาดอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์ PET ยังเติบโตแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ราคาหุ้น IVL ได้ปรับตัวลงตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ประมาณ 10.6% โดยสอดคล้องกับดัชนีกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งประเมินว่าได้สะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 2562 ที่ไม่สดใสและการหยุดเดินเครื่องผลิตนอกแผนไปแล้ว
ขณะที่ หากพิจารณาในแง่ของ Valuation มองว่าราคาหุ้นไม่ได้แพง โดยปัจจุบันมี EV/EBITDA 19F ที่ 7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 10 เท่า และระยะสั้นผลประกอบการไตรมาส 2/2562 ยังมีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นอีกครั้ง ซึ่งคาดเป็น Catalyst ต่อราคาหุ้นได้
โดยฝ่ายวิจัยจึงมองเป็นโอกาสเข้า “ซื้อลงทุน” พร้อมกับประเมินราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ระดับ 74 บาทต่อหุ้น และคาดว่าจะมีเงินปันผลจ่ายที่หุ้นละประมาณ 1.50 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนของเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ระดับ 3.1%
ดังนั้น จึงมอง IVL เป็นหุ้นปลอดภัยสุดในกลุ่มปิโตรเคมี เพราะได้รับผลกระทบน้อยสุดจากสงครามการค้าในปัจจุบัน โดยแม้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง และโรงงานมีหยุดซ่อมนอกแผนจะกดดันการเติบโตของกำไรปกติปี 2562 แต่อุปสงค์ในผลิตภัณฑ์ PET ยังเติบโตแข็งแกร่ง จึงคาดยังสนับสนุนกำไรปกติโตเฉลี่ยปีละ 12.8% ในปี (2562-2563) ซึ่งมองยังเป็นอัตราเติบโตที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กำหนดคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 60 บาทต่อหุ้น พร้อมประเมินว่าแนวโน้มผลงานในช่วงไตรมาส 2/62 จะปรับตัวขึ้นกว่าในช่วงไตรมาส 1/62 รวมทั้งมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ซึ่งเป็นผลจาก 1) ปริมาณผลิตที่เพิ่มขึ้น เพราะไม่มีการหยุดซ่อมนอกแผนเหมือนในไตรมาส 1/62 และ 2) ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีเริ่มฟื้นตัว และคาดจะปรับตัวสูงขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ช่วยหนุนให้อัตรากำไร (EBITDA/ตัน) เพิ่มขึ้น