SORKON รุกขยายตลาดเต็มสูบ! ลุยจับมือพันธมิตรเมียนมา ผุดโรงงานผลิตอาหารมูลค่า 60 ลบ.
SORKON รุกขยายตลาดเต็มสูบ! ลุยจับมือพันธมิตรเมียนมา ผุดโรงงานผลิตอาหารมูลค่า 60 ลบ.
บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 ก.ค. อนุมัติให้บริษัทร่วมทุน และจัดตั้งบริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ (เมียนมา) จำกัด ณ นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา โดยบริษัทถือหุ้น 60% และนักลงทุนไทยอีก 4 รายถือหุ้นรวมกัน 40% ตั้งโรงงานผลิตอาหารประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 60 ล้านบาท เพื่อโอกาสขยายตลาด และกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในประเทศ ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปในเมียนมามีโอกาสเติบโตมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทจะเข้าลงทุน 15 ล้านบาท เพื่อร่วมก่อตั้งบริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ (เมียนมา) จำกัด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการภายในไตรมาส 3/62 โดยบริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 8 แสนเหรียญสหรัฐ หรือราว 25 ล้านบาท หลังจากนั้นจะเช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเชวเป้ากัน นครย่างกุ้ง มีพื้นที่รวมประมาณ 1,000 ตารางเมตร ระยะเวลาเช่า 10 ปี เพื่อก่อสร้างปรับปรุงอาคารโรงงาน และติดตั้งเครื่องจักร จัดซื้ออุปกรณ์เพื่อใช้ในการผลิตอาหารประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป เพื่อจำหน่ายภายในเมียนมา โดยให้ผู้ที่มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายภายในเมียนมาเป็นผู้จัดจำหน่าย
สำหรับเงินลงทุนโครงการมีมูลค่า 60 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากเงินลงทุนของบริษัทที่จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินธุรกิจ รวมถึงเงินทุนจากกลุ่มผู้ลงทุนไทยอีก 4 ราย ได้แก่ นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ,นายกวิน อึ้งวิฑูรสถิตย์ ,นายกานต์ อึ้งวิฑูรสถิติย์ และนายกรณ์ อึ้งวิฑูรสถิตย์ ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้นของแต่ละราย ส่วนเงินลงทุนที่เหลือมาจากเงินกู้ของโครงการ
การลงทุนดังกล่าวสืบเนื่องจาก บริษัทและนายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา (TMBC) และผู้ก่อตั้งสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมา-ไทย (MTCCI) ได้พิจารณาถึงการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปในเมียนมาในอนาคต จึงได้ตกลงร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นเพื่อผลิตอาหารพื้นเมืองไทย ได้แก่ หมูยอ ไก่ยอ แหนม ไส้กรอกอีสาน ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นไก่ และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป ได้แก่ ไส้กรอกหมู ไส้กรอกไก่ แฮม เบคอน ฯลฯ
ทั้งนี้ บริษัทเห็นว่าการลงทุนในโครงการดังกล่าวเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัท และคาดว่าบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะสามารถสร้างผลกำไรจากโครงการซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากเงินปันผล รวมถึงมีโอกาสขยายตลาดและเป็นการกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในประเทศ