3 หุ้นเล็กพริกขี้หนูกำไรโตแจ่ม จ่อประกาศงบไตรมาส 2 สัปดาห์หน้า!

เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนปิดงบไตรมาส 2/62 ทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจกลุ่มหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 จะออกมาโดดเด่น โดยครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอหุ้นขนาดเล็ก โดยอาศัยข้อมูลจากบทวิเคราะห์โบรกฯเกอร์ชั้นนำของไทยที่ประเมิณว่าผลการดำเนินงานจะออกมาโดดเด่น ประกอบด้วย TACC ,AIE และ ALL ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานออกมาในสัปดาห์หน้า

โดย บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” TACC ราคาเป้าหมาย 6 บาท/หุ้น โดยมองว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/62 ดูน่าตื่นเต้นกว่าที่เคยคาด อาจทำจุดสูงสุดใหม่อยู่ที่ 38 ล้านบาท โตสูง 80% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เพราะอากาศร้อนช่วยหนุนการเติบโตของเครื่องดื่มแทบทุกช่องทาง รวมถึงรับรู้รายได้โถกด Hershey’s ได้เต็มไตรมาส และยังมีเครื่องดื่ม All Cafe 2 รสชาติที่ขายได้ดี โดยเฉพาะชานมบุก ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ถึงแม้ไตรมาส 3 จะเป็น Low Season เพราะเป็นหน้าฝน แต่คาดกำไรอาจทรงตัวหรือปรับลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน และจะกลับมาโตทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/62 เพราะยังมีแผนออกเครื่องดื่มรสชาติใหม่กับ 7-11 ต่อเนื่อง

ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงรายได้จาก Character Business จะทยอยเข้ามามากขึ้น จากลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และยังมีงาน Event ใหญ่ของปีรออยู่ กอปรกับคาดจะได้เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของการรุกตลาดต่างประเทศ CLMV ด้วยแนวโน้มกำไร ไตรมาส 2/62 ที่ดีกว่าคาด และมีแนวโน้มที่รายได้ทั้งปีจะโตได้มากกว่าเป้าของบริษัทที่เติบโต 15% จากปีก่อน เพราะคาด ครึ่งปีแรกของปี 62 โตถึง 25% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จึงปรับกำไรปีนี้ขึ้น 20% เป็นการเติบโต 109% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน  และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปีนี้เป็น 6 บาท จากเดิม 5 บาท (อิง PE เดิม 25 เท่า) ส่วนปัจจัยหนุนการโตในปีหน้า คาดโตตามการขยายสาขาของ 7-11 ทั้งในและต่างประเทศ หาก CPALL เซ็นสัญญาและเปิดสาขาในลาวและกัมพูชาได้ คงคำแนะนำ ซื้อ

 

ด้าน บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE โดย บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.เอไอ เอนเนอร์จี (AIE) เป็นผู้ประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์ม ไตรมาส 1/62 ขาดทุน 43.6 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/61 ซึ่งขาดทุน 6.2 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายตกต่ำแต่ต้นทุนเพิ่มขึ้น และขาดทุน Stock loss อีกราว 19 ล้านบาท จากราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวลง

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีจะปรับตัวดีขึ้น โดยไตรมาส 2/62 มีแนวโน้มพลิกมีกำไร จากราคาน้ำมันปาล์มที่เริ่มกลับทิศเป็นขาขึ้น เนื่องจากมาตรการใช้น้ำมัน B10 จะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น และช่วงปลายเดือน มิ.ย.62 บริษัทมีแผนเดินเครื่องเชิงพาณิชย์สำหรับโรงกลั่น Glycerine ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรขั้นต้นจากเดิมอีกราว 5%

ด้าน นายณรงค์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานกรรมการ ประธานกรรมการบริหาร ประธานกรรมการ AI และ AIE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2562 ของ AI และ AIE คาดว่าจะปรับดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าที่เติบโตตามความต้องการใช้ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ขยายโครงการข่ายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ปัจจุบัน AI มีงานในมือ (Backlog) แล้ว 1,100 ล้านบาท และคาดว่าในช่วงที่เหลือปีนี้จะมีงานใหม่เพิ่มเข้ามาอีก

ขณะที่ AIE มียอดขายน้ำมันไบโอดีเซลบี 100 เพิ่มขึ้น หลังจากกระทรวงพลังงานออกนโยบายส่งเสริมให้เพิ่มบี 100 เป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซลจาก 7% (บี 7) เป็น 10% (บี 10) ส่งผลให้ AIE มีคำสั่งซื้อน้ำมันบี 100 จากลุ่มโรงกลั่นฯ เพิ่มขึ้น เนื่องจาก AIE สามารถกลั่นบี 100 ตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะเรื่องปริมาณโมโนกลีเซอไรด์ไม่เกิน 0.4% จากขณะนี้ 0.7% และค่าน้ำในดีเซลเป็นไม่เกิน 200 ppm ซึ่งบางโรงกลั่นฯ ยังไม่สามารถกลั่นตามมาตรฐานดังกล่าวได้

โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานของ AIE ในปี 2562 รายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจไบโอดีเซลบี 100 คิดเป็นสัดส่วน 60% โดยปัจจุบันยอดผลิตบี 100 ของบริษัทอยู่ที่ 6 แสนลิตรต่อวัน และส่วนขยายจะก่อสร้างเสร็จในปีนี้อีก 2 แสนตัน ส่งผลให้ปลายปี 2562 บริษัทมียอดผลิตบี 100 อยู่ที่ 8 แสนตันต่อวัน ขณะที่สัดส่วนรายได้จากโรงงานกลีเซอร์ลีน คิดเป็น 20% ของรายได้รวม, การให้บริการด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางเรือของบริษัท เอไอ โลจิสติกส์ จำกัด (AIL) 10% และอีก 10% เป็นรายได้จากบริษัท เอไอ พอร์ตส์ แอนด์ เทอร์มินัลส์ จำกัด (AIPT) จ.ชุมพร

“ในปีนี้น่าจะเห็น AIE พลิกกลับมาเป็นกำไรได้หลังจากราคาปาล์มขยับสูงขึ้น ประกอบกับลูกค้าในกลุ่มโรงกลั่นฯ ที่ต้องการขายน้ำมันบี 10 ในสถานีบริการน้ำมัน แต่ยังไม่สามารถผลิตบี 100 ตามสเปกของกระทรวงพลังงานได้ จึงต้องมาซื้อกับบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าติดต่อเข้ามาหลายราย ทำให้ยอดขายบี 100 ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น โดยในปี 2561 AIE ขาดทุนประมาณ 100 ล้านบาท แต่ปี 2562 น่าจะพลิกเป็นกำไร นอกจากนี้ยังมั่นใจจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในปี 2563” นายณรงค์ กล่าว

 

อีกทั้ง บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL โดยนายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALL เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 12,500 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 3-4 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายโครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว-สุทธิสาร มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท จับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน มีรายได้ประมาณ 25,000-40,000 บาทต่อเดือน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะมียอดขายโครงการนี้ประมาณ 70% ในช่วง 3 เดือนแรกหลังเปิดขาย

ขณะที่บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 7,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายรวมแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของเป้าหมายทั้งปี โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่แล้ว จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,750 ล้านบาท

สำหรับรายได้รวมในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายไว้ที่ระดับ 4,500 ล้านบาท หรือเติบโตเกือบเท่าตัว (100%) จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,342.97 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง

โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการมียอดขายดีต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1.โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว-นวมินทร์ (The Vision Ladprao-Nawamin) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 2/62 2.โครงการ อิมเพรสชั่น ภูเก็ต (Impression Phuket) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 3/62 และ 3.โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 (The Excel Hideaway Sukhumvit 71) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 4/62

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/62 บริษัทคาดว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/62 มีรายได้รวม 852.36 ล้านบาท และจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทเตรียมแจ้งงบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 13 สิงหาคม นี้