OSP วิ่งต่อ 4% ลุ้นผลงานครึ่งปีหลังแกร่ง ขานรับกำลังการผลิตเพิ่ม-ตลาดตปท.ฟื้น
OSP วิ่งต่อ 4% ลุ้นผลงานครึ่งปีหลังแกร่งขานรับกำลังการผลิตเพิ่ม-ตลาดตปท.ฟื้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ล่าสุด ณ เวลา 10.32 น. อยู่ที่ระดับ 36.25 บาท ปรับตัวขึ้น 1.50 บาท หรือ 4.32% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 404.18 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” OSP ราคาเป้าหมาย 37 บาท/หุ้น ภายหลังจากกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เท่ากับ 710 ล้านบาท (ลดลง 20.1% จากไตรมาสก่อน แต่ปรับตัวขึ้น 7.4% เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) หากไม่รวมค่าใช้จ่ายตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน 77 ล้านบาท (สุทธิภาษี) จะมีกำไรปกติเท่ากับ 788 ล้านบาท (-11.3% จากไตรมาสก่อน แต่ปรับตัวขึ้น 19.2%เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) ต่ำกว่าคาด 7% (คาดไว้ 845 ล้านบาท)
โดยสาเหตุที่กำไรลดลงจากไตรมาสก่อนมาจากการหยุดซ่อมสายการผลิต C-Vitt เพื่อแก้ปัญหาคอขวดราว 1 เดือนในเดือน พ.ค. ส่วนกำไรที่เติบโตได้ดีเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน มาจากการเติบโตหลายสินค้าทั้งในกลุ่มเครื่องดื่ม และ Personal Care โดยมีทั้งสินค้ากลุ่มเดิม และมีการออกสินค้าใหม่ เช่น Shark ในรูปแบบกระป๋อง, Babi Mild สูตร Sweet Almond, สกินแคร์แบรนด์ Planstory ทำให้รายได้ไตรมาสนี้เติบโตราว 5.7% เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนยังสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท และมีอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นมาอยู่ที่ 35.3% จาก 34.8% ในไตรมาส 1/62 และ 31.3% ในไตรมาส 2/61 ทำจุดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่เข้าตลาดฯ จาก Product Mix ที่ดีขึ้น
อีกทั้งเป็นผลจากโปรแกรมควบคุมต้นทุนของบริษัท ในขณะที่ค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน) ปรับตัวสูงขึ้น เพราะมีการออกสินค้าใหม่ และเริ่มมีการโฆษณาทางทีวี รวมถึงค่าใช้จ่ายทางการตลาดต่างๆ ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 21.6% จาก 20.8% ในไตรมาส 1/62 และ 20% ในไตรมาส 2/61
ทั้งนี้บริษัทมีกำไรปกติครึ่งปีแรกเท่ากับ 1,676 ล้านบาท (+21.8% เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) คิดเป็นสัดส่วน 45% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้มผลประกอบการน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับไตรมาส 3/62 แม้ปกติเป็น Low Season ของธุรกิจ แต่ผลของการแก้ปัญหาคอขวดสายการผลิต C-Vitt แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา คาดจะกลับมาใช้กำลังการผลิตใหม่ได้สูงขึ้นกว่าเดิมราว 20% และจะรับรู้รายได้สินค้าใหม่ได้เต็มไตรมาส
ขณะที่ไตรมาส 4/62 คาดกำไรจะดีขึ้นและทำจุดสูงสุดของปีตามฤดูกาล ภาพรวมสถานการณ์ยังดูสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทที่ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตไม่น้อยกว่า 5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน (รายได้ครึ่งปีแรกของปี 62 เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) และตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในกรอบ 34% – 35% (ครึ่งปีแรกทำได้ 35%) ซึ่งยังสอดคล้องกับสมมติฐานของเรา ดังนั้นยังคาดกำไรปกติปี 62 ไว้ที่ 3,698 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 31.1% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) และคงราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 37 บาท (อิง PE 30 เท่า) ราคาหุ้นที่ปรับลงทำให้มี Upside กว้างขึ้นเป็น 11.3% และแจ้งจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีหลังของปี 62 หุ้นละ 0.35 บาท คิดเป็น Yield 1.1% กำหนดขึ้น XD 27 ส.ค. และจ่ายเงิน 13 ก.ย. จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”