ส่องผลงาน NER ไตรมาส 3 โบรกฯชี้โต 34% รับราคายางพุ่ง เคาะเป้าสนั่น 3.40 บ.
ส่องผลงาน NER ไตรมาส 3 โบรกฯชี้โต 34% รับราคายางพุ่ง เคาะเป้าสนั่น 3.40 บ.
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำ “ซื้อ” NER และราคาเป้าหมายที่ 3.40 บาท อิง PER ที่ 9.50 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มยางที่ 11 เท่า (9-yr. average PER) โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลังของปี 62 โดยประเมินกำไรปกติไตรมาส 3/62 ที่ 141 ล้านบาท ดีขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ( ปรับตัวขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, ปรับตัวขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน) ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากราคาขายยางมีแนวโน้มดีอยู่ที่ประมาณ 52 บาท ต่อกิโลกรัม (ปรับตัวขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ปรับตัวขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน)
ขณะที่การเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนได้รับผลดีจากการที่บริษัทมี สต็อกต้นทุนยางที่ต่ำกว่าตลาดเพราะ NER มีการจัดหาวัตถุดิบต้นทุนต่ำไว้ล่วงหน้า ส่งผลให้ อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ประมาณ 9% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/62 ที่ 8.4% โดยยังคงกำไรสุทธิปี 62 ที่ 552 ล้านบาท เติบโต 13.5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน บริษัทสามารถขายสินค้าล่วงหน้าจนถึง ไตรมาส 4/62 เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทมีลูกค้าใหม่เข้ามาอีกหลายราย พร้อมกันนี้มีลูกค้าราย ใหญ่ 2 ราย พร้อมที่จะเซ็นสัญญา Long Term เมื่อโรงงานใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จ
ด้านราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาประมาณ 6-12% ในช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมาจากการที่บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตใน ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยราคาหุ้นมีการปรับตัวลงเล็กน้อยลดลง 1.5% ใน 1 เดือนที่ผ่านมาจากการกลับมามีความกังวลสงครามการค้าที่อาจจะส่งผลต่อความต้องการยาง อย่างไรก็ตาม มองเป็นโอกาสเข้าซื้อ ซึ่งปัจจุบัน NER ซื้อขายที่ PER เพียง 7.3 เท่า รวมถึงจะเติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ในปีหน้า
ขณะที่คาดกำไรปกติในไตรมาส 3/62 ดีขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ประมาณการกำไรปกติไตรมาส 3/62 ที่ 141 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 34% จากปีก่อน, เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน) การเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาขายยางมีแนวโน้มดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 52 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน) ขณะที่การเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนได้รับผลดีจากการที่บริษัทมีสต็อกต้นทุนยางที่ต่ำกว่าตลาด เพราะ NER มีการจัดหาวัตถุดิบต้นทุนต่ำไว้ล่วงหน้าา ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ประมาณ 9% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/62 ที่ 8.4% ทั้งนี้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 20 ล้านบาท และอนุพันธ์ 17 ล้านบาทในไตรมาสก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3/62 ที่ 141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อน , ลดลง 15% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้คงกำไรสุทธิปี 62 และคาดครึ่งปีหลังของปี 62 เติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังคงประเมินกำไรสุทธิปี 62 ที่ 552 ลบ. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจากการขยายกำลังการผลิตยางผสม 26% ในเดือนเม.ย. 62 รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาดีขึ้นจากการทำผลิตภัณฑ์ยางผสมซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงมากขึ้น บริษัทมีการบริหารจัดการที่ดีสามารถขายสินค้าล่วงหน้าจนถึงไตรมาส 4/62
โดยปัจจุบันมียอดขายรวม 255,000 ตันจากเป้าหมายในปีนี้ที่ 260,000 ตัน เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ NER มีลูกค้าใหม่ที่เริ่มซื้อขายเพิ่มเข้ามาอีกหลายราย พร้อมกันนี้ NER มีลูกค้ารายใหญ่ 2 รายพร้อมที่จะเซ็นสัญญา Long Term เมื่อโรงงานใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จ คือ MICHELIN และ Apollo Tyre ล่าสุดได้เข้ามาตรวจสอบคุณภาพโรงงานแล้ว พร้อมป้อนออเดอร์ในต้นปีหน้า Valuation/Catalyst/Risk ราคาเป้าหมายที่ 3.40 บาท อิง PER ที่ 9.50 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มยางที่ 11 เท่า (9-yr. average PER) ปัจจัยหนุนคือ บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ความเสี่ยงคือ สงครามการค้าที่กดดันความต้องการยางในตลาดโลก