TMB บวก 2.31% สวนภาวะตลาดฯ-คาดนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อรับสิทธิ TSR วันสุดท้าย!

TMB บวก 2.31% สวนภาวะตลาดฯ-คาดนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อรับสิทธิ TSR วันสุดท้าย!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ณ เวลา 11.02 น. อยู่ที่ระดับ 1.77 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 2.31% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 151.42 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นบวกสวนภาวะตลาดโดยดัชนี ณ เวลา 11.07 น. อยู่ที่ระดับ 1,628.29 จุด ลบ 2.21จุด หรือ 2.21% ด้วยมูลค่าซ้อขาย13,028.54 ล้านบาท ขณะเดียวกันนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อรับสิทธิ TSR วันสุดท้ายวันนี้(25ก.ย.62)

ด้าน นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามใบแสดงสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) ที่ 1.40 บาทต่อหุ้น ถือเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว รายย่อยก็ได้สิทธินี้ด้วย ส่วนราคาใช้สิทธิเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นรายใหม่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP และโนวาสโกเทีย หรือ BNS เบื้องต้นอยู่ที่ 2.17 บาทต่อหุ้น

วานนี้ (24 ก.ย.) TMB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ตามที่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2562 ซึ่งจัดให้มีขึ้นเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2562 ได้มีมติเห็นชอบการออกใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) จำนวนไม่เกิน 31,481,481,482 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคาร ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pro-rata basis) โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วนการจัดสรรไม่ต่ำกว่า 1.39 หุ้นสามัญเดิมต่อ TSR 1 หน่วย (ในกรณีที่มีเศษของ TSR จากการคำนวณให้ปัดเศษทิ้ง) ทั้งนี้ TSR 1 หน่วย สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ 1 หุ้น ในการนี้ธนาคารมีความประสงค์ที่จะระดมทุนผ่าน TSR เป็นจำนวนไม่เกิน 42,500,000,000 บาท

โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารตามที่ได้รับมอบอำนาจจากมติของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของธนาคารได้กำหนดราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามใบแสดงสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) ที่ 1.40 บาทต่อหุ้น โดยออก TSR จำนวน 30,357,141,795 หน่วย อัตราส่วนการจัดสรรที่ 1.444533 หุ้นสามัญเดิม ต่อ TSR 1 หน่วย และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับ TSR วันที่ 27 ก.ย. 2562

ด้านแหล่งข่าวจากตลาดทุน คาดว่ารายย่อยจะใช้สิทธิเพิ่มทุน TMB เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากหลังเพิ่มทุนแล้วจะมีส่วนต่างของราคาเพิ่มทุนกับราคากระดาน ซึ่งมีส่วนลดมากกว่า 20% ขณะที่กองทุนวายุภักษ์ก็เตรียมเงินไว้สำหรับซื้อหุ้นส่วนที่รายย่อยไม่ใช้สิทธิไว้แล้ว โดยคาดว่าจะใส่เงินเพิ่มทุนภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทยได้พิจารณาการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทยกับธนาคารธนชาตไปมากแล้ว และคาดว่าจะอนุมัติได้ภายในเดือนตุลาคมนี้

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMB กล่าวว่า บอร์ดธนาคารพิจารณาแล้วว่า ราคาใช้สิทธิ TSR สำหรับผู้ถือเดิมที่ 1.40 บาท เป็นราคาที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพราะเป็นราคาที่มีส่วนลดจากราคาตลาดและต่ำกว่าราคาที่กลุ่มนักลงทุนรายใหม่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ประมาณ 2.1 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนรายใหม่เช่นกัน

ในส่วนของวันซื้อขาย TSR คาดว่าจะอยู่ในเดือนตุลาคม 2562 จากนั้นวันใช้สิทธิ TSR (Subscription Period) เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนนั้น คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2562 ซึ่งธนาคารจะประกาศรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง

ทั้งนี้ หากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิ TSR ครบ 100% และอ้างอิงจากมูลค่าทางบัญชีสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2562 คาดว่าราคาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของกลุ่มนักลงทุนรายใหม่ ซึ่งรวมถึงบริษัททุนธนชาต (TCAP) และ Scotia Netherlands Holding B.V. (BNS) จะอยู่ที่ประมาณ 2.1 บาท เพื่อระดมทุนจำนวน 64,000 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า TMB ประกาศว่าราคาใช้สิทธิของ TMB-TSR อยู่ที่ 1.4 บาทต่อหุ้น ผู้ถือหุ้น TMB ปัจจุบันจะได้รับ TMB-TSR ฟรีในอัตรา 1.444533 TMB  : 1 TMB-TSR วันขึ้นเครื่องหมาย XT หรือ Excluding Transferable Subscription Right (ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ โอนสิทธิได้) คือ 26 ก.ย. (พฤหัสบดีนี้) TMB-TSR จะหมดอายุภายใน 2 เดือนและจะได้รับอนุญาตให้ทำการซื้อขายเป็นเวลา 2 สัปดาห์ในช่วงปลายเดือนตุลาคม

โดยสมมติว่าผู้ถือหุ้นรายย่อย TMB ทุกรายตกลงที่จะใส่เงินเพิ่มทุน เนื่องจากราคาหุ้นใหม่มีส่วนลด 18% จากราคาของเมื่อวานนี้ (1.71 บาท) หลังจากผู้ถือหุ้นของ TMB เสร็จสิ้นการใส่เงินเพิ่มทุน ดังนั้นผู้ถือหุ้นรายใหม่ เช่น TCAP จะซื้อหุ้นใหม่ที่มูลค่าทางบัญชีที่ 1.98 บาท  x 1.1 เท่าของมูลค่าทางบัญชี ก็จะเท่ากับ  2.18 บาทต่อหุ้น

เนื่องจากราคาที่ผู้ถือหุ้นรายใหม่จ่ายราคาที่สูงขึ้นมากไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการลดลงของราคาจากการตกลง แนะนำซื้อใน TMB ราคาหุ้นเข้ามาเมื่อวานนี้ (1.71 บาท) และซื้อหุ้นใหม่ต้นทุนเฉลี่ยสำหรับ 1 หุ้นเท่ากับ 1.55 บาทเทียบเท่ากับ 0.76 เท่า P/BV ซึ่งเป็นธนาคารที่ถูกที่สุดในกลุ่ม (ต่ำกว่า KTB) ราคาตลาดหลังเพิ่มทุนใหม่แล้วจะอยู่ที่ 1.75 บาท ส่งผลให้เกิดไดลูชั่นในเชิงบวก ขณะที่ราคาเป้าหมายที่ 2.04 บาท

ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงการคลังจะต้องใส่เงินเพิ่มทุนตามสัดส่วน 7,857 ล้านหุ้น ที่ราคา 1.4 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 11,000 ล้านบาท ขณะที่ TCAP และ BNS จะต้องใส่เงินเพิ่มทุนตามสัดส่วน 29,679 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.18 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 64,700 ล้านบาท ด้าน ING จะต้องใส่เงินเพิ่มทุนตามสัดส่วน 8,929 ล้านหุ้น ที่ราคา 1.4 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,500 ล้านบาท ส่วนรายย่อยจะต้องใส่เงินเพิ่มทุนตามสัดส่วน 13,571 ล้านหุ้น ที่ราคา 1.4 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 19,000 ล้านบาท

Back to top button