RBF การันตีธุรกิจสดใสปักธงรายได้ปีหน้าโตเกิน 10% ลุยขยายตลาดทั้งใน-ตปท.

RBF การันตีธุรกิจสดใสปักธงรายได้ปีหน้าโตเกิน 10% ลุยขยายตลาดทั้งใน-ตปท.


นายสมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน ซึ่งเติบโตได้มากกว่าค่าเฉลี่ยปกติที่ผ่านมา 6-8% เนื่องจากจะสามารถรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาของโรงงานในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ซึ่งจะเริ่มเดินเครื่องผลิตตั้งแต่ไตรมาส 1/63

ขณะที่นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันนี้ เป็นวันแรกนั้น นักลงทุนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งบริษัทหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเงินที่ได้จากการเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) นั้น จะนำไปขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

โดยเตรียมสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายวัตถุแต่งกลิ่นและรส เกล็ดขนมปัง และแป้งประกอบอาหารอีก 2-3 แห่งในอาเซียน รวมถึงเปิดบริษัทตัวแทนและห้องทดลองสำหรับการวิจัยและพัฒนาในประเทศสิงคโปร์  เพื่อขยายฐานลูกค้าในอนาคตของสินค้าประเภทวัตถุแต่งกลิ่นรส (Flavour) ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวจากการจัดโครงสร้างกลุ่มของบริษัท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และจากแผนงานดังกล่าวทำให้มีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง

ปี 63 จะเป็นปีที่รายได้เติบโตดีกว่าปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากการเริ่มเดินเครื่องของโรงงานผลิตใหม่ และได้ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง วันนี้การเปิดซื้อขายหุ้นเป็นวันแรกก็ส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี และเราก็ถือว่าพอใจกับการตอบรับของนักลงทุน ซึ่งเรามองหุ้นตัวเองเป็นหุ้นสำหรับการลงทุนในระยะยาว”นายสมชาย กล่าว

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มวัตถุแต่งกลิ่นและรส และสีผสมอาหาร กลุ่มแป้งและซอส กลุ่มผลิตภัณฑ์อบแห้ง  กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง  กลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซื้อมาเพื่อจำหน่าย สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 2,738.25 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 321.11 ล้านบาท

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 1,412.82 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 147.23 ล้านบาท โดยในงวดครึ่งปีแรกของปี 62 บริษัทมีค่าใช้จ่าย  one Time ประมาณ  30 ล้านบาท ประกอบด้วยการตั้งด้อยค่ากิจการโรงแรมจำนวน 11.6 ล้านบาท การตั้งสำรองหนี้สินผลประโยชน์พนักงานเพิ่มเติม จำนวน 9.9 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาด้านบัญชี ที่ปรึกษาด้านกฏหมาย ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนและอื่นๆอีกประมาณ 9 ล้านบาท

ด้าน นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ RBF เปิดเผยว่า หลังจากหุ้น RBF เปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเป็นวันแรกนั้น ราคาได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นเหนือราคาจองซื้อที่ 3.30 บาท/หุ้น น่าจะมาจากปัจจัยหลายอย่างทั้งพื้นฐานของธุรกิจที่ดี เพราะเป็นบริษัทเดียวที่ดำเนินธุรกิจทางด้านนวัตกรรมอาหารที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการเติบโตในอนาคตที่มีแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในภาพรวมยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยดูจากยอดจองซื้อหุ้นที่ล้นหลามในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่าเป็นสาเหตุทำให้หุ้นได้รับความนิยมและสนใจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามจากศักยภาพของบริษัทที่ดีแล้ว บริษัทยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% หลังหักภาษีเงินได้และค่าสำรองอื่นๆ จึงเชื่อว่าหุ้น RBF เหมาะสมในการลงทุนในระยะกลาง ถึงยาวได้

ส่วน นายสมศักดิ์  ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ APM เปิดเผยว่า หากประเมินจากปัจจัยพื้นฐานของ RBF แล้ว ถือได้ว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) อย่างครบวงจรให้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีจุดแข็งด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านอาหาร การวิเคราะห์กลิ่นและรสชาติอาหารอยู่ถึง 60 คน  และธุรกิจของบริษัทมีโอกาส Disrupt ยาก เพราะผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทดแทนกันได้ยาก ดังนั้นทำให้เชื่อว่าธุรกิจของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

Back to top button