BC เคาะราคาไอพีโอ 2.86 บ.เปิดจองซื้อ 5-7 พ.ย. ปักธงเทรด mai 14 พ.ย.นี้

BC เคาะราคาไอพีโอ 2.86 บ.เปิดจองซื้อ 5-7 พ.ย. ปักธงเทรด mai 14 พ.ย.นี้


ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC เปิดเผยว่า BC ได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 167,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น กำหนดราคาไอพีโอหุ้นละ 2.86 บาท จัดสรรให้แก่ บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 72.69%  นักลงทุนสถาบัน 2.40%  ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 14.91% กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย 10.00%

โดยกำหนดเปิดจองซื้อไอพีโอในช่วงระหว่างวันที่ 5 – 7 พฤศจิกายนนี้ และคาดว่าจะดำเนินการเปิดซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง / พัฒนาอสังหาริมทรัพย์  โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า BC

พร้อมกันนี้ ได้แต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BC จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จํากัด บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

สำหรับการตั้งราคาไอพีโอที่ 2.86 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/BV (Pre-IPO) ที่ 1.66 เท่า คิดเป็นส่วนลด 40% จาก P/BV เฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ 2.75 เท่า

“เรามั่นใจว่า การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BC ในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ด้วยราคาไอพีโอที่กำหนดไว้เป็นระดับราคาที่เหมาะสม บริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เป็นธุรกิจที่กำลังขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่มีคู่แข่งทางตรง ผลตอบแทนจากการขายโครงการทำได้ในระดับสูง สนับสนุนให้อัตรากำไรอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ขณะที่ ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปตั้งแต่วันโรดโชว์ในช่วงที่ผ่านมา จึงเชื่อว่า BC จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนในระยะยาว” ดร.ก้องเกียรติ กล่าว

นายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบสร้าง – ดำเนินงาน – ขาย (Build-Operate-Sell : BOS) อสังหาริมทรัพย์ประเภท โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ Commercial Real Estate ได้แก่ ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงานให้เช่า รวมทั้ง ธุรกิจให้บริการด้านบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการเสนอขายหลักทรัพย์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จำนวนประมาณ 477 ล้านบาท จะนำไปใช้ขยายธุรกิจ ลงทุนในโครงการเชียงใหม่ Nimman 2-3, โครงการ Summer Point

รวมถึง โครงการโรงแรมบนถนนสุขุมวิท 16, โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์บนถนนสุขุมวิท 36 และโครงการกมลา 1-2 จำนวนประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อสำหรับจ่ายคืนหนี้สิน ประมาณ 275  ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ 52 ล้านบาท ระยะเวลาที่ใช้เงินโดยประมาณในปี 2562-2563

สำหรับกลยุทธ์ในช่วงต่อจากนี้ BC พร้อมขยายการเติบโต ในธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ BOS ซึ่งปัจจุบัน มีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Operate) จำนวน 9 โครงการ ได้แก่ โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเตรียมขายในอนาคต (BOS) จำนวน 5 โครงการ และโครงการที่บริษัทฯ มีนโยบายเป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการเอง (Non-BOS) จำนวน 4 โครงการ นอกจากนี้ มีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา (Build) จำนวน 8 โครงการ คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ 1 โครงการ ส่วนที่เหลือจะทยอยแล้วเสร็จไปจนถึงปี 2563 เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการให้มั่นคงแข็งแกร่ง

“BC เป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ BOS ซึ่งยังไม่มีคู่แข่งทางตรงในธุรกิจนี้ เราเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการบนที่ดินขนาดเล็ก บนทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ ใจกลางเมืองสุขุมวิท ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา ซึ่งเป็นเมืองที่มี GDP ในระดับสูงของประเทศ ทำให้ได้ผลตอบแทนจากการขายโครงการในระดับที่น่าพอใจ และได้อานิสงส์จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันมีโครงการที่ประสบความสำเร็จในรูปแบบ BOS ที่จำหน่ายออกไปแล้ว (Sell) จำนวน 6 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,525 ล้านบาท และรวมมูลค่ากำไรจากการขายโครงการประมาณ 1,626 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีโปรเจ็กต์ที่อยู่ระหว่างพัฒนา ดำเนินการ และรอการขายรวม 17 โครงการ เป็นสตอรี่การเติบโตที่น่าสนใจ ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินงาน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ดี เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว” นายปรับชะรันซิงห์  กล่าว

สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 รายได้รวมอยู่ที่ 675.9 ล้านบาท เติบโต 56.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 431.3 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากการขายโครงการ Summer Hill และ Summer Hub Office สนับสนุนให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 348.5 ล้านบาท เติบโตขึ้น 122.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 156.7 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 77.9% อัตรากำไรสุทธิ 31.6%

Back to top button