TU เติมต้น..เพิ่มปลาย

ถือว่าทำได้ดีทีเดียว..! สำหรับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ที่งบไตรมาส 3/62 โชว์กำไรสุทธิ 1,373.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.22 ล้านบาท หรือ 4.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,310.43 ล้านบาท


สำนักข่าวรัชดา

ถือว่าทำได้ดีทีเดียว..! สำหรับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ที่งบไตรมาส 3/62 โชว์กำไรสุทธิ 1,373.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.22 ล้านบาท หรือ 4.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,310.43 ล้านบาท

แถมมีกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 142 ล้านบาท ในไตรมาส 3/61 มาอยู่ที่ 201 ล้านบาท ในไตรมาส 3/62 อีกด้วย

ทั้ง ๆ ที่ถูกดันจากค่าเงินบาทที่แข็งโป๊ก

มิหนำซ้ำยังถูกซ้ำเติมจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ตลาดหลักอย่างตลาดอเมริกาและยุโรป กำลังซื้อลดลง…

สาเหตุน่าจะเกิดจาก TU มีการทำเฮดจิ้ง หรือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ดี และมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำให้สามารถประคองตัวเองได้ท่ามกลางถูกปัจจัยลบรุมเร้า

แหม๊…บริษัทอื่น ๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน น่าจะต้องลอกการบ้านจาก TU ซะแล้วว่า ต้องทำได้อย่างไร..?

เชื่อว่า TU ไม่น่าจะหวงวิชาหรอกนะ…

ทว่านอกจากเรื่องงบไตรมาส 3/62 ที่ออกมาดีกว่าที่คาดแล้ว อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ เรื่องการปรับตัวของ TU

ก่อนหน้านี้ หลายคนรู้จัก TU แค่ทำปลาทูน่ากระป๋อง โดยเฉพาะแบรนด์ “ซีเล็คทูน่า”

แต่ในความเป็นจริงแล้ว TU เป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง มีตั้งแต่ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน กุ้ง ปลาหมึก และอาหารทะเลอื่น ๆ ถือเป็นโปรดักส์กลางน้ำ

ล่าสุดเตรียมรุกโปรดักส์ต้นน้ำเต็มสูบ โดยเตรียม Spin Off บริษัทลูก “ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์” (TFM) บริษัทผลิตอาหารสัตว์เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2563 เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอีกด้วย

รวมทั้งควักเงินอีก 120.75 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัท ธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล จำกัด (TSR) ซึ่งเป็นผู้จัดหาและนำเข้าอาหารทะเลประเภทแช่แข็งและรมควัน ผ่านช่องทางเคาน์เตอร์อาหารทะเลในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เพิ่มจากเดิมถืออยู่ราว 25% เป็น 39.9% เพื่อรุกโปรดักส์ปลายน้ำ ป้อนให้กับร้านอาหาร และร้านค้าปลีก

ถ้าย้อนดูผลประกอบการบริษัท ธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าเติบโตทั้งรายได้และกำไรต่อเนื่องทุกปี…

โดยปี 2559  มีรายได้รวม 540 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้รวม 660 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 13 ล้านบาท และปี 2561 มีรายได้รวม 738 ล้านบาท กำไรสุทธิ 35 ล้านบาท

แม้กำไรจะบางไปหน่อย อาจเป็นเพราะยังติดกับดักเรื่องของต้นทุน แต่ก็มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด

จึงไม่น่าแปลกใจที่ TU ตัดสินใจลงทุนเพิ่มในบริษัท ธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล…

นั่นเท่ากับว่า ต่อไป TU จะมีธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

เป็นการสร้างวาไรตี้ให้กับโปรดักส์มากขึ้น…

ถือเป็นกลยุทธ์เติมต้น…เพิ่มปลายที่น่าสนใจจริง ๆ..!

ก็หวังว่าจะช่วยให้ TU เติบโตแบบมีเสถียรภาพมากขึ้น

นักลงทุนจะได้ไม่ต้องวิตกกังวลกับยอดขายในตลาดต่างประเทศมากจนเกินไป…

…อิ อิ อิ…

Back to top button