TPS ปลื้ม! ขายไอพีโอ 80 ล้านหุ้นเกลี้ยง มั่นใจลงสนามเทรด 15 พ.ย.คึกคัก

นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ จำนวน 80 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นเงินมูลค่า 200 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หุ้น TPS ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก โดยมียอดจองซื้อหุ้น IPO เข้ามาเต็มทั้งจำนวนและยังมีความต้องการส่วนเกินที่สอบถามเข้ามาอีกจำนวนมาก ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ

“การเสนอขายหุ้นไอพีโอของ TPS ถือว่าประสบความสำเร็จและมีกระแสตอบรับดีมากๆ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่าเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการให้บริการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร และมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต สำหรับการระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้ แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน

โดยคาดว่าจะมีความต้องการส่วนเกินเข้ามาซื้อหุ้นในกระดานขณะที่ราคาไอพีโอที่ 2.50 บาทต่อหุ้น มีค่าพีอีเรโชเพียง 11.57 เท่า ถือเป็นระดับราคาที่ดีและคุ้มค่าต่อการลงทุน” นางสาวพัชพร กล่าว

ทั้งนี้ หุ้น TPS เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 นี้ โดยอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี  ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า TPS

นายบุญสม กิจเกษตรสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPS ระบุว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ถือเป็นการสร้างโอกาสให้กับธุรกิจของบริษัทฯในการเติบโตในอนาคต อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตร และ คู่ค้า

รวมทั้งจะช่วยผลักดันรายได้ และกำไรให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตให้กับผู้ถือหุ้น  และที่สำคัญคือธุรกิจอยู่ในช่วงเติบโตสู่ยุคดิจิทัล จากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีแนวโน้มเติบโตตามการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี  อีกทั้ง TPS เป็นพันธมิตรในระดับ Gold Certified Partner กับ Cisco ซึ่งเป็นผู้นำตลาดอุปกรณ์เครือข่ายฯ ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก

นายบุญสม กล่าวต่อว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปัจจุบันเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต เพราะมีส่วนสำคัญช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลที่ขับเคลื่อนด้วยการ ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน