6 โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” TPS เคาะเป้าหนัก 4.30 บ. ชูหุ้นดีอนาคตไกลแถมอัพไซด์สูงเท่าตัว!
6 โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” TPS เคาะเป้าหนัก 4.30 บ. ชูหุ้นดีอนาคตไกลแถมอัพไซด์สูงเท่าตัว!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ 6 แห่ง ประเมินราคาเหมาะสมสูงสุดของหุ้น บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด มหาชน หรือ TPS ที่ระดับ 4.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากเทียบกับราคาหุ้นไอพีโอที่เสนอขาย 2.50 บาทต่อหุ้น จึงมีส่วนต่างอยู่ในระดับที่น่าสนใจในการลงทุนอย่างมาก
ทั้งนี้ TPS กำหนดราคาขายหุ้นไอพีโออยู่ที่ราคา 2.50 บาท คิดเป็นค่าพีอีเรโช 11.57 เท่า โดยเปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกัน ซึ่งเทรดที่ P/E ที่ 15.6 เท่า และเปรียบเทียบกับ P/E ของกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศเทรดอยู่ที่ P/E ที่ 20.68 เท่า โดย P/E ดังกล่าวคำนวณจากผลประกอบการในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง
สำหรับ TPS ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็น 1.ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.ธุรกิจให้บริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขาย และ 3. ธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้ประเมินราคาที่เหมาะสมของหุ้น TPS อยู่ที่ระดับ 4.30 บาทต่อหุ้น อ้างอิงจากค่าเฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ TPS ซึ่งมีค่า PE อยู่ที่ 13 เท่า โดยเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.57 % ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
ทั้งนี้ TPS มีจุดเด่น เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Cisco, NetApp, Palo Alto Networks, Symantec, VMware และ Fortinet เป็นต้น โดยมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท Cisco เป็นหลัก ซึ่ง Cisco เป็นผู้นำระดับโลกด้านอุปกรณ์และ Software เกี่ยวกับ Data Networking
ขณะที่โอกาสการเข้าประมูลงาน โดย ณ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯ มีโครงการที่ได้คำสั่งซื้อจากลูกค้า และยังไม่ได้จัดส่งให้ลูกค้า จำนวน 168.6 ล้านบาท ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. 2562 บริษัทฯ มีโครงการที่ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมอีก จำนวน 68.5 ล้านบาท มีประมาณการรายได้จากการให้บริการบำรุงรักษา จำนวน 82.5 ล้านบาท และมีโครงการออกแบบและพัฒนาซอฟท์แวร์เครื่องฝึกหัดขับรถไฟจำลอง จำนวน 58.8 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมีลูกค้าทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน รวม 378 .4 ล้านบาท
ด้านผลการดำเนินงาน คาดการณ์จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งประเมินรายได้ปี 2562 และปี 2563 จะอยู่ที่ 655 ล้านบาท และ 1,042 ล้านบาทตามลำดับ โดยคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยปี 2560 – 2564 จะเติบโต 7.6% และมีโอกาสการเข้าประมูลงานเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมตลาดสื่อสาร
โดยคาดว่า การเติบโตจะเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ เพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ นโยบายประเทศไทย 4.0 และแผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2562 มีประมาณ 3,000,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า TPS อยู่ในตลาดที่มีกำลังมีความต้องการสูง
ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 จำนวน 52 ล้านบาท และปี 2563 จำนวน 93 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2560 -2564 เติบโต 22.6% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้ เนื่องจากบริษัทฯมีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาราคาเป้าหมายของ TPS ปี 2563 อยู่ที่ 4.14 บาทต่อหุ้น โดยระบุว่า TPS ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบติดตั้งและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี จุดเด่นคือได้รับ Gold Certified Partner จาก Cisco ผู้นำตลาดอุปกรณ์โครงข่ายของโลก จึงทำให้บริษัทได้รับการสนับสนุนในระดับสูงสุด ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ปัจจุบันงานที่บริษัทรับอยู่ราว 70% มาจากงานภาคเอกชน
โดยในอนาคตบริษัทมีแผนขยายไปรับงานในส่วนของภาครัฐมากขึ้น จากนโยบายประเทศไทย 4.0 และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ทำให้อุตสาหกรรมที่บริษัทมีส่วนร่วมสามารถเติบโตได้ราว +3% ทั้งนี้ได้ประเมินกำไรปี 2562 -2563 ที่ 63 ล้านบาท และ 77 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยราว 35%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งวางระบบเครือข่ายของ TPS ดูสดใสตามอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล และกระแสการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคสู่สังคมดิจิทัล โดยที่ผ่านมาตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศของไทยในปี 2560-2561 มีมูลค่าราว 4.14-4.24 แสนล้านบาท
ขณะที่ TPS มีรายได้ในระดับ 0.84 พันล้านบาทในปี 2560 และ 0.54 พันล้านบาทในปี 2561 (ลูกค่าภาครัฐชะลอการจัดซื้อในช่วงการเมืองยังไม่ชัดเจน) คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.20% และ 0.13% ของมูลค่าตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศในปี 2560-2561
ทั้งประเมินราคาที่เหมาะสมปี 2563 ไว้ที่ 3.96 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่ากำไรปี 2562 เติบโต 17% YoY เป็น 49 ล้านบาท โดยในช่วง 1H62 มีรายได้ 321 ล้านบาท และมีกำไรแล้ว 22 ล้านบาท และคาดว่าในช่วง 2H62 กำไรจะดีขึ้นเป็น 27 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากงานในมือที่มีอยู่แล้ว 379 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะส่งมอบและบันทึกเป็นรายได้ทันภายในปีนี้
โดยปี 2563 คาดรายได้จะเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศ บวกกับบริษัทได้เข้าไปนำเสนอโครงการแก่ภาครัฐเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทมูลค่าตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศจะกลับไปอยู่ที่ 0.20% เท่ากับที่เคยทำได้ใรปี 2560 ซึ่งจะหนุนให้กำไรปี 2563 โตได้ถึง 88% เป็น 93 ล้านบาท