SAT ส่งซิกยอดขายปี 63 ฟื้น รับออร์เดอร์ล่วงหน้าต่อเนื่อง พร้อมเล็งร่วมทุนธุรกิจใหม่

SAT ส่งซิกยอดขายปี 63 ฟื้น รับออร์เดอร์ล่วงหน้าต่อเนื่อง พร้อมเล็งร่วมทุนธุรกิจใหม่


นางสาวนภัสร กิตะพาณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT คาดว่ายอดขายในปี 63 จะฟื้นตัวจากสัญญาณคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากยอมรับว่ารายได้ปีนี้จะต่ำกว่าปี 61 ที่มีรายได้ 8,396.82 ล้านบาท และผลประกอบการในไตรมาส 4/62 จะเข้าสู่จุดต่ำที่สุดของปี โดยเป็นผลจากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ชะลอตัวลง ซึ่งคาดว่ายอดผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้จะลดลงเหลือ 2 ล้านคัน จากเดิมคาดไว้ที่ 2.1 ล้านคัน

“แม้ว่ารายได้ปีนี้เราอาจจะหดตัว แต่เราก็ไม่ได้ลดลงเท่าอุตสาหกรรมที่ลดลง 5-6% เพราะด้านอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรยังขยายตัวได้ จึงอยากให้นักลงทุนเชื่อมั่น และเรายังคงเดินหน้าในการศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องเพื่อที่จะเสริมการเติบโตในอนาคต” นางสาวนภัสร กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่าไม่มีนโยบายปิดกิจการ แม้ว่าจะมีหลายบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ปิดตัวลงไปเป็นจำนวนมาก และยังมีแนวโน้มปิดมากขึ้นนั้น โดย SAT ย้ำว่ามีแนวทางบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ขณะที่การจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นก็ยังคงเป็นไปตามนโยบายที่ตั้งไว้ ไม่เปลี่ยนแปลง

นางสาวนภัสร กล่าวอีกว่า ในปี 63 บริษัทจะรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อใหม่ที่เข้ามาเพิ่มเติมปีนี้มูลค่าราว 360 ล้านบาท โดยจะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/63 คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีแรก 20-30 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลประกอบการปีหน้าฟื้นตัวขึ้น และจะทยอยรับรู้ฯ ต่อเนื่องอีก 330 ล้านบาทในช่วง 7 ปีที่เหลือ

ขณะที่บริษัทยังเดินหน้าแผนการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะออโตเมชั่น โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาความร่วมมือกับพันธมิตรหลายราย คาดว่าจะเป็นรูปแบบการร่วมธุรกิจ (JV) ซึ่งจะมีความชัดเจนปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า ทั้งนี้ในปี 63 บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 700 ล้านบาท แบ่งเป็น 500 ล้านบาทสำหรับปรับปรุงกระบวนการผลิต และการวิจัยพัฒนา (R&D) ส่วนอีก 200 ล้านบาทจะเป็นการลงทุนในด้านเครื่องจักรกล (Machining) เพิ่มเติม

นางสาวนภัสร กล่าวว่า กระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่นั้น จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่สำหรับกลุ่มรถยนต์ไฮบริด และปลั๊กอิน จะไม่มีผลกระทบมาก เนื่องจากยังคงมีระบบเครื่องยนต์ หรือการใช้งานแบบสองระบบ แต่สำหรับรถยนต์อีวีนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจะกระทบบ้าง และเชื่อว่ายังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

Back to top button