TMB หุ้นเพิ่มทุน 27,393 ล้านหุ้น เข้าเทรดพรุ่งนี้-ลุ้นวิ่งกระฉูดทะลุ 2 บ.

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.รับหุ้นเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB จำนวน 27,393,655,991 หุ้น เข้าซื้อขายตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.62 ส่งผลให้มีจำนวนหุ้นสามัญใหม่เพิ่มเป็น 71,245,549,101 หุ้น หรือคิดเป็น 67,683,271,645.95 บาท จากเดิมที่ 43,851,893,110 หุ้น หรือคิดเป็น 41,659,298,454.50 บาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.95 บาท

สำหรับหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว มาจากการใช้สิทธิของใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TMB-T1) จำนวน 26,225,207,129 หน่วย แปลงเป็นหุ้นสามัญจำนวน 26,225,207,129 หุ้น โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 1.40 บาท/หุ้น

ด้านแหล่งข่าวจากตลาดทุน เปิดเผยว่า หุ้นเพิ่มทุนใหม่ของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB จะเข้าเทรดในวันพรุ่งนี้ (4 ธันวาคม) หลังจากการซื้อขายและโอนหุ้นกับกลุ่มทุนธนชาต หรือ TCAP และโนวาสโกเทียเสร็จเรียบร้อยแล้ววันนี้ (3 ธันวาคม) โดยคาดว่าหุ้นที่จะเข้ามาเทรดกันจริงจะมีเฉพาะในส่วนของรายย่อยเท่านั้น ส่วนที่อยู่ในมือของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่ กลุ่มไอเอ็นจี กระทรวงการคลัง วายุภักษ์ บมจ.ทุนธนชาต และโนวาสโกเทีย ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้จากการประเมินเบื้องต้น จำนวนหุ้นเพิ่มทุนใหม่ที่จะเข้าซื้อขายในส่วนรายย่อยที่ใช้สิทธิไป 90% ของหุ้นเพิ่มทุนมีทั้งสิ้น 13,571 ล้านหุ้น  ที่ราคาใช้สิทธิ 1.40 บาท จะคิดเป็นจำนวนหุ้นประมาณ 12,213  ล้านหุ้น ที่จะเข้าซื้อขายกันในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมีทั้งผู้ถือหุ้นเดิมที่ซื้อถัวเฉลี่ยราคาและกลุ่มผู้ที่เพิ่งเข้ามาซื้อใหม่ ดังนั้นต้นทุนจึงไม่เท่ากัน แต่คาดว่าจะไม่กระทบต่อราคาหุ้นในกระดานมากนัก

สำหรับกลุ่มทุนธนชาต และโนวาสโกเทีย จะเข้าถือหุ้นเพิ่มทุน TMB  จำนวน  29,679 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.1 บาทกว่าต่อหุ้น วายุภักษ์ถือหุ้นเพิ่มทุนใหม่  7,857 ล้านหุ้น ที่ราคา 1.4 บาทต่อหุ้น  ด้าน ING ถือหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 8,929 ล้านหุ้น ที่ราคา 1.4 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ตามวันนี้(3ธ.ค.62)ตัวแทนธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB กับบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP จะมีพิธีซื้อขายและโอนหุ้นระหว่างกัน โดย TMB จะจ่ายเป็นค่าหุ้นธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK จำนวนประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ส่วน TCAP และ Nova scotia จะใส่เงินเข้ามา 6.4 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนธนาคารทหารไทย ซึ่งถือว่ากระบวนการซื้อขายโอนหุ้นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และจะมีการแจกเอกสารแถลงข่าวตามมา

แหล่งข่าว กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงการคลัง ไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นออกไปเหมือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากต้องการผลตอบแทนจากการถือหุ้น TMB ซึ่งล่าสุดกระทรวงการคลังได้กำไรจากการเข้าถือหุ้นเพิ่มทุนใหม่และเงินปันผลผ่านกองทุนวายุภักษ์รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านบาท ณ ระดับราคา 1.59-1.60 บาท โดยภายหลังจากเพิ่มทุนต้นทุนเฉลี่ยราคาหุ้นที่คลังถือจะลดลงเหลือ 2 บาทกว่า ๆ จากเดิม 3.86 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เชื่อว่ากระบวนการต่าง ๆ ของการควบรวมแบงก์ทหารไทยน่าจะแล้วเสร็จในเดือนธ.ค.นี้ และคงใช้เวลาในการควบรวมกิจการราว 18-24 เดือน ยังคงแนะนำ “ซื้อลงทุนระยะยาว” สำหรับ TMB เพราะเชื่อว่าหลังการควบรวมเสร็จธนาคารใหม่จะเป็นธนาคารที่จะมีสัดส่วนสินเชื่อที่กระจายตัวไปในทุกภาคส่วนได้อย่างลงตัว และน่าจะเป็นธนาคารที่เป็นคู่แข่งขันที่สูสีกับธนาคารขนาดใหญ่ได้ ระยะสั้น แนะนำ “ซื้อเก็งกำไรได้” เนื่องจากต้นทุน หรือราคาซื้อหุ้น TMB ของ TCAP กับ BNS ที่กว่า 2.10 บาท

สำหรับ TCAP ที่ประกาศจะจ่ายปันผลพิเศษอีก 4 บาท ซึ่งจะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD หลังการประชุมคณะกรรมการบริษัทคราวแรก ภายหลังการทำรายการซื้อขายหุ้น TMB-TBANK คาด XD ภายในเดือน ธ.ค.นี้ จึงแนะนำ “ซื้อรับปันผล” ที่สูงถึง 7.2% เป้าหมายราคา 60.70 บาท  ทั้งนี้ไม่รวมปันผลจากการดำเนินงานปกติที่ราว 4.7% ต่อปี

บริษัท หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มองว่าผลดีจากการควบรวมจะเกิดขึ้นในระยะยาว ส่วนในระยะสั้นการเติบโตของธนาคารยังค่อนข้างจำกัดอันเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และอาจมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างกิจการ เช่น ปิดสาขา, ปรับจำนวนพนักงานให้เหมาะสม ฯลฯ แนะนำถือ TMB ให้ราคาพื้นฐาน 1.83 บาท

ส่วน TCAP เมื่อปรับโครงสร้างแล้ว กำไรสุทธิปี 2563 อาจจะลดลง แต่มีการซื้อหุ้นคืนทำให้ในที่สุดแล้ว EPS จะอ่อนตัวจากก่อนหน้าที่จะปรับโครงสร้างเพียงเล็กน้อย จุดเด่นคือ ROE หลังปรับโครงสร้างแล้วจะเพิ่มขึ้น จ่ายปันผลดี คาด Dividend yield ปกติที่ประมาณ 5% ต่อปี แต่ในระยะใกล้จะมีจ่ายปันผลพิเศษ 4 บาทต่อหุ้นด้วย ทำให้ Yield ปี 2563 จะเพิ่มเป็นประมาณ 12% (ณ ราคาหุ้น TCAP ที่ 55.75 บาท) แนะนำถือ TCAP ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 59.50 บาท