AOT ดีดกลับ 2% โบรกฯ แนะสะสม มองโอกาสเติบโตสูง-ปมจ่ายเงินเข้ากองทุนฯยังรอผลพิจารณา

AOT ดีดกลับ 2% โบรกฯ แนะสะสม มองโอกาสเติบโตสูง-ปมจ่ายเงินเข้ากองทุนฯยังรอผลพิจารณา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ล่าสุด ณ เวลา 10.23 น. อยู่ที่ระดับ 74.25 บาท ปรับตัวขึ้น 1.25 บาท หรือ 1.71% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 674.57 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น AOT ปรับตัวขึ้นหลังจากเมื่อวันที่  9 ธ.ค.62 ปรับตัวลดลง เนื่องจากเกิดความกังวลว่ากำไรปี 63 ถูกกระทบหากต้องแบ่งรายได้จัดเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออกเข้ากองทุนฯกรมท่าอากาศยาน

ทั้งนี้ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ธ.ค.) ถึงประเด็นข่าวนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังศึกษาข้อกฎหมาย ในการแบ่งรายได้ที่จัดเก็บจากค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge : PSC) สนามบิน 6 แห่งของ AOT ไม่เกิน 10% เข้ากองทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน เพื่อนำไปพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินภูมิภาคของ ทย. ทั้ง 28 แห่ง โดยให้เร่งหารือกฤษฎีกา เพื่อให้เกิดความชัดเจนตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2562 มาตรา 60/42 ได้กำหนดว่า เพื่อประโยชน์ในการบริหารสนามบินที่ใช้เพื่อสาธารณะเป็นการทั่วไป รัฐมนตรีมีอำนาจให้เจ้าของหรือผู้ดำเนินการสนามบินอนุญาตนำเงินที่ได้จากการจัดเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออกในอัตราไม่เกินร้อยละ10 เข้าบัญชีเงินทุนหมุนเวียน กรมท่าอากาศยาน ตามมาตรา 60/44

ผลกระทบต่อบริษัท

ทั้งนี้มองว่าหากมีการบังคับใช้ข้อกฎหมายจริง จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อรายได้ของบริษัทโดยตรง เนื่องจาก AOT มีรายได้ PCS คิดเป็นมูลค่าราว 2.7 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือ 43% บนรายได้รวมของบริษัท ซึ่งหากมีการแบ่งรายได้ที่ 10% จะคิดเป็นมูลค่าราว 2,700 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นผลกระทบราว 4% ของรายได้และ 7% ของกำไร ซึ่งจะทำให้มูลค่าหุ้นที่เหมาะสมของ AOT ลดลงไป 5 บาทจาก 83 บาท เป็น 78 บาท

มุมมองทรีนีตี้

ขณะที่มองว่าข่าวดังกล่าวจะเป็นผลกระทบเชิงลบระยะสั้นต่อบริษัทโดยตรง เนื่องจากมีโอกาสที่บริษัทจะสูญเสียรายได้และกำไรลงราว 0-7% เพื่อนำรายได้จาก PCS เข้าสู่กองทุนดังกล่าว ทั้งนี้ เรายังเชื่อว่ายังคงต้องใช้เวลาในการพิจารณาของศาลบนตัวบทกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 3-6 เดือนในการพิจารณา ดังนั้น ผลกระทบเชิงลบต่อราคาหุ้นในวันนี้จะเป็นเพียงผลกระทบเชิงจิตวิทยาระยะสั้นเท่านั้น

โดยคงคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมาย 83 บาท มองว่าเร็วเกินไปที่จะตัดสินผลกระทบที่ชัดเจนต่อบริษัทเนื่องจากยังจำเป็นที่จะต้องรอการพิจารณาของศาลอีกครั้งหนึ่ง หรือถึงแม้ว่าทางกองทุนฯมีอำนาจในการเรียกเก็บส่วนแบ่งรายได้จริง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการคิดส่วนแบ่งน้อยกว่า 10% ดังนั้นจึงมองว่าการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงดังกล่าวนั้นเป็นเพียงปัจจัยลบเชิงจิตวิทยาระยะสั้นเท่านั้น

ทั้งนี้จึงมองว่าเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะเข้าสะสมหุ้น AOT เพื่อเก็งกำไรระยะสั้นได้ เนื่องจากบริษัทยังมีปัจจัยบวกในระยะสั้นเช่น การประมูล Pick-up Counter และการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 แต่ในระยะยาวแล้วยังคงคำแนะนำเพียง “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายเดิม 83 บาท โดยมองว่า จุดที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนใน AOT ในระยะยาวอีกครั้งควรจะอยู่ที่บริเวณ 70 บาท ซึ่งจะทำให้มี Upside ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงจากประเด็นดังกล่าวที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ “Outperform” AOT ราคาเป้าหมาย 86 บาท/หุ้น โดยระบุว่า จากข่าวเด่นสองข่าวที่ออกมาในช่วงสองวันนี้ พอจะตีความได้ว่า AOT อาจขอปรับขึ้นอัตราค่าธรรมเนียม PSC จากปัจจุบันที่เก็บจากผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศ 700 บาท และผู้โดยสารเที่ยวบินในประเทศ 100 บาท หากว่ากฤษฎีกา และ ครม. อนุมัติให้หักเงินจากรายได้ PSC ของ AOT ได้ในอนาคต ซึ่งในมุมมองของเราเห็นว่า ประเด็นนี้เป็นกลางกับ AOT เพราะบริษัทสามารถที่จะส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ผู้โดยสารได้ แต่ในขณะนี่ เราคิดว่าประเด็นนี้จะยังคงไม่แน่นอนไปจนกว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีข้อสรุปให้กับกรมท่าอากาศยานว่า สามารถหักรายได้จาก AOT ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เรายังคงคำแนะนำซื้อ และให้ราคาเป้าหมายที่ 86.00 บาท

Back to top button