AP ปักธงปี 63 เปิดตัวคอนโดฯใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นลบ.
AP ปักธงปี 63 เปิดตัวคอนโดฯใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นลบ. เน้นราคาขายไม่เกิน 180,000 บาท/ตารางเมตร-เลี่ยงทำเลแข่งขันรุนแรงแต่ยังเดินทางสะดวก
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการอำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปี 63 จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.2 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น 2 โครงการ และพัฒนาเอง 2 โครงการ
สำหรับการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่เปิดตัวไป 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.71 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทมองว่าตลาดคอนโดมิเนียมในปี 63 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับภาวะของตลาดปัจจุบันที่เผชิญกับความไม่แน่นอนต่างๆ
ขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวกลับมาดีมากนัก ซึ่งมีผลต่อกำลังซื้อของประชาชน และทำให้การพัฒนาโครงการต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ประกอบกับการแข่งขันค่อนข้างรุนแรงในการช่วงชิงการเป็นหนึ่งในใจผู้บริโภคด้วย
ทั้งนี้การต่อยอดธุรกิจไปสู่การเติบโตต้องควบคู่ไปกับการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ บริษัทจึงได้เปิดตัวแนวคิดการพัฒนาคอนโดมิเนียมในปี 63 กับ “Dynamic Personalized Model” โมเดลการออกแบบและพัฒนาคอนโดมิเนียมที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบและคอนเซ็ปต์ดีไซน์ตาม Living Pattern รูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างของผู้อยู่อาศัย โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการเพื่อให้ได้ Consumer Insigh ที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละโครงการ รวมกับเทรนด์การใช้ชีวิตยุคใหม่เข้ากับกระบวนการเชิงออกแบบ ทำให้ได้ผลลัพธ์การพัฒนาคอนโดยุคใหม่ได้
ขณะที่ตั้งราคาขายคอนโดมิเนียมของบริษัทในปีนี้จะเป็นราคาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกว้างขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อในปัจจุบัน โดยคอนโดมิเนียมของบริษัทที่จะเปิดในปีนี้จะมีราคาขายไม่เกิน 180,000 บาท/ตารางเมตร หรือราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ราว 120,000-150,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งเป็นราคาที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่ของ AP สามารถเข้าถึงได้ โดยที่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาดังกล่าวจะมีรายได้เฉลี่ยราว 100,000-200,000 บาท/เดือน
รวมทั้งทำเลในการพัฒนาโครงการในปีนี้จะเป็นทำเลที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยไม่เข้าไปพัฒนาในทำเลที่มีการแข่งขันรุนแรง และไม่จำเป็นต้องติดกับรถไฟฟ้า แต่อยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ ที่ตรงกับคอนเส็ปต์ของการพัฒนาโครงการนั้นๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการพักอาศัยในย่านนั้นๆ
“หลังจากเราทำการสำรวจตลาดมา เรามองว่าการขายโครงการที่ราคาขาย 200,000-300,000 บาท/ตารางเมตร จะไม่ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดในปัจจุบันนี้ เพราะปัจจัยต่างๆ มีความไม่แน่นอนอยู่เยอะ ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น กระทบต่อกำลังซี้อ ทำให้เราและทุกคนต้องปรับตัว ปรับ Mind set ใหม่ ไม่ยึดติดกับความสำเร็จในอดีต และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้น”นายวิทการ กล่าว
ด้านแผนธุรกิจนอกเหนือจากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปีนี้ บริษัทจะเปิดเผยอีกครั้งในเดือน ก.พ.ที่จะถึงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าในช่วงไตรมาส 1/63 ยังคงได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ซึ่งบริษัทประเมินว่าอาจจะช่วยระบายสต็อกคอนโดมิเนียมที่เหลืออยู่มูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท และโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง มูลค่า 3 พันล้านบาท คาดว่าจะระบายออกไปได้บางส่วน แต่ก็ยังมีปัจจัยกดดันจากกำลังซื้อที่ยังไม่กลับมา และการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้การระบายสต็อกอาจจะทำได้ไม่มาก แต่ก็สามารถช่วยลดซัพพลายในตลาดให้ลดลงได้
ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดขายโครงการ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน แฟล็กชิพคอนโดมิเนียม ระดับลักชัวรี ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง AP และพันธมิตรญี่ปุ่น มิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป) อย่างเป็นทางการ มูลค่าโครงการ 4.7 พันล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 4-2-76.6 ไร่ บนทำเล ‘เจริญกรุง’ ย่านสุดสร้างสรรค์ของกรุงเทพมหานคร ที่ตั้งขนาบแม่น้ำเจ้าพระยา ทำเลเชื่อมต่อใจกลางเมืองย่าน CBD สาทร ศูนย์กลาง ธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ พร้อมด้วยความสะดวกสบายในการเดินทาง ใกล้ย่านสถานศึกษาทั้งโรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และเพียง 100 เมตรจากโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ – ริเวอร์ไซด์ แคมปัส ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท
โดยในเดือนพ.ย. 62 ที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มเปิดขายโครงการดังกล่าวไปแล้วรอบพิเศษ ซึ่งสามารถทำยอดขายได้ 42% และสามารถขายห้อง Penthouse 4 ห้องนอนได้หมด คาดว่าการเปิดขายอย่างเป็นทางการในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่สนใจ และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในสิ้นปี 63 ซึ่งปัจจุบันการขายของ AP จะไม่เร่งการขายหมดในช่วงเปิดโครงการ แต่จะเป็นการทยอยขายไปเรื่อยๆ และในช่วงการเปิดขาย 3 เดือนแรก จะต้องสามารถสร้างยอดขายได้ไม่ต่ำกว่ำ 40% ซึ่งเป็นระดับที่บริษัทมองว่ามีความปลอดภัยในการขาย