“สยามราชธานี” เล็งตั้งอันเดอร์ไรท์-เคาะราคา IPO ต้น มี.ค.63 พร้อมเทรด SET ไตรมาส 1

"สยามราชธานี" เล็งตั้งอันเดอร์ไรท์-เคาะราคา IPO ต้น มี.ค.63 พร้อมเทรด SET ไตรมาส 1


นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการสายงานตลาดทุน บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO กล่าวว่า SO เตรียมลงนามแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (อันเดอร์ไรเตอร์) พร้อมประกาศราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในช่วงต้นเดือน มี.ค.นี้ และคาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในไตรมาส 1/63

โดย SO มีแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 85 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.42% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO แบ่งเป็น จัดสรรขายให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 76.5 ล้านหุ้น และเสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทไม่เกิน 8.5 ล้านหุ้น วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้สถาบันทางการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการต่อไป

ขณะที่ปัจจุบัน SO มีทุนจดทะเบียน 310 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 310 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท มีทุนที่ออกและชำระแล้ว 225 ล้านบาท หรือ 225 ล้านหุ้น โดยมีครอบครัววิมลเฉลา เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

สำหรับผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 40 ปี ที่ผ่านมา SO สามารถสร้างกำไรได้ทุกปี และมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีย้อนหลัง (ปี 59-61) รายได้เติบโตเฉลี่ย 6-7% จากธุรกิจหลัก 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร (Outsourcing Services) แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ธุรกิจบริการบริหารจัดการ ครอบคลุมการบริหารจัดการพนักงานขับรถยนต์และพนักงานสำนักงาน การบริหารจัดการพนักงานช่างเทคนิค และการบริหารจัดการงานบันทึกข้อมูล, ธุรกิจบริการดูแลภูมิทัศน์ ครอบคลุมบริการดูแลสวนขนาดใหญ่ ออกแบบและจัดสวน และตัดต้นไม้ใหญ่ (Tree Care)

รวมถึงธุรกิจให้เช่าและบริการ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจบริการรถยนต์ให้เช่า ซึ่งบริษัทมีบริการรถยนต์ให้เช่าหลากหลายรูปแบบทั้ง รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ รถบรรทุก รวมทั้งรถยนต์ดัดแปลง และธุรกิจให้เช่าพื้นที่สำนักงาน โดยลูกค้าของบริษัทฯ จะแบ่งเป็น ลูกค้าภาคเอกชน 50% และภาครัฐ 50% ซึ่งเป็นงานที่เซ็นสัญญาระยะยาว 3-5 ปี

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดหวังว่าภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าไปรับงาน และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายเป็นหุ้น Growth Stock

Back to top button