โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” SISB ฟันธงกำไรโตยาว ลุ้นวิ่งเป้าใหม่ 12 บ.!
โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” SISB ฟันธงกำไรโตยาว ลุ้นวิ่งเป้าใหม่ 12 บ.!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB หลังนักวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SISB จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น
โดยนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” SISB และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 12 บาท/หุ้น รวมทั้งปรับกำไรระยะยาวขึ้นโดยรวมการขยายความจุนักเรียนเพิ่มอีก 600 คนที่สาขาธนบุรี ซึ่งปัจจุบันมีถึงระดับ G7 โดยจะเริ่มก่อสร้างอาคารเรียนปีนี้และเปิดการสอนตั้งแต่ส.ค. 2565 จนถึงระดับ G12 ใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ประมาณการใหม่รวมการเปิดรับนักเรียนระดับมัธยมที่ธนบุรีตั้งแต่ไตรมาส 4/65 คาดจำนวนนักเรียนเพิ่ม 300 คนในปี 2565 – 2567 จากเดิมคาดเพิ่ม 150-200 คน ทำให้กำไรปี 2565 – 2567 เพิ่มขึ้น 6-8%
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/62 ของ SISB คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 62 ล้านบาท เติบโต 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากกำไรสุทธิไตรมาส 4/62 เป็นไปตามคาด จะส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปี 2562 อยู่ที่ระดับ 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากประมาณการเดิมที่ 215 ล้านบาท เติบโต 109% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 103.52 ล้านบาท เนื่องจากประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น พร้อมทั้งคาดว่านักเรียนปี 2562 จะจบอยู่ที่ 2,433 คน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 211 คนจากปี 2561 (ส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรก) ซึ่งสาขาธนบุรีมีนักเรียนเพิ่มดีที่สุด 170 คน
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม” SISB กลับมาลงทุนในหุ้นธีม Domestic Play อีกหนึ่งตัวที่ตลาดประเมินผลการดำเนินงานในปี 2562-2563 เติบโตได้โดดเด่น สำหรับโรงเรียนนานาชาติ SISB มีแผนจะปรับขึ้นค่าเทอมปีละ 5%/ปี โดยในอุตสาหกรรมโรงเรียนนานาชาติจะมีช่วงของการปรับขึ้นค่าเทอมในกรอบ 3% ถึง 15%/ปี (อุตสาหกรรมมี Growth) ปัจจุบันค่าเทอมของกลุ่มโรงเรียนใน SISB อยู่ในช่วง 3-6 แสนบาท/คน/เทอม
โดยในปีนี้โรงเรียนของ SISB สาขาธนบุรีจะมีการขยายพื้นที่เพื่อสร้างอาคารเรียนระดับชั้นมัธยมและจะเปิดการเรียนได้ในปี 2564 ซึ่งก็จะเพิ่มความจุของนักเรียนประมาณ 600 คน หนุนการเติบโตของรายได้ในอนาคต ในส่วนของประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 2562-2563 ตลาดประเมินไว้ที่ระดับ 2.28 พันล้านบาท และ 288 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 26% เมื่อเทียบจากปีก่อน ตามลำดับ