KTIS เผยศาลฯยกฟ้องคดีเรียกเงินคืนกอน.-กองทุนอ้อยฯ เหตุคดีขาดอายุความ

KTIS เผยศาลฯยกฟ้องคดีเรียกเงินคืนกอน.-กองทุนอ้อยฯ เหตุคดีขาดอายุความ


บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS แจ้งว่าตามที่บริษัทฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเป็นคดีดำเลขที่ 1463/2560 ในวันที่ 11 กันยายน 2560 เพื่อขอให้พิพากษาให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ดำเนินการประชุมเพื่อมีมติให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายคืนเงินจำนวน 408,841,099.41 บาท และดอกเบี้ยจำนวน 135,686,409.24 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 544,527,508.65 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตรา 7.5% ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 408,841,099.41 บาท นับถัดจากวันที่ฟ้องคดีเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น  โดยให้ชำระคืนภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด

และพิพากษาให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายคืนเงินจำนวน 408,841,099.41 บาท และดอกเบี้ยจำนวน 135,686,409.24 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 544,527,508.65 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตรา 7.5% ต่อปีของเงินต้นจำนวน 408,841,099.41 บาท นับถัดจากวันที่ฟ้องคดีเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด เนื่องจากเงินต้นที่ถูกเรียกเก็บโดยกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายภายใต้คำสั่งของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายนั้น เป็นการเรียกเก็บเงินโดยที่หน่วยงานรัฐไม่มีอำนาจเรียกเก็บตามกฎหมาย

นอกจากนี้ บริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเป็นคดีดำเลขที่ 1464/2560 ในวันที่ 11 กันยายน 2560 เพื่อขอให้พิพากษาให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการประชุมเพื่อมีมติให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายคืนเงินจำนวน 239,094,194.64 บาท และดอกเบี้ยจำนวน 140,485,024.20 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 379,579,218.84 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตรา 7.5% ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 239,094,194.64 บาท นับถัดจากวันที่ฟ้องคดีเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยให้ชำระคืนภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด

รวมทั้งพิพากษาให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายคืนเงินจำนวน 239,094,194. 64 บาท และดอกเบี้ยจำนวน 140,485,024.20 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 379,579,218.84 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตรา 7.5% ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 239,094,194.64 บาท นับถัดจากวันที่ฟ้องคดีเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยให้ชำระคืนใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด เนื่องจากเงินต้นที่ถูกเรียกเก็บโดยกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายภายใต้คำสั่งของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายนั้น เป็นการเรียกเก็บเงินโดยที่หน่วยงานรัฐไม่มีอำนาจเรียกเก็บตามกฎหมาย

โดยในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 1463/2560 ซึ่งบริษัท เป็นผู้ฟ้องคดี และในคดีหมายเลขดำที่ 1464/2560 ซึ่งบริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด เป็นผู้ฟ้องคดี ศาลได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่าคดีทั้งสองนี้ควรพิพากษาให้ยกคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้งสองเนื่องจากคดีขาดอายุความ

อย่างไรก็ตามขณะนี้ทั้งสองคดียังไม่ถึงที่สุด โดยผู้ฟ้องคดีทั้งสองคดียังมีสิทธิ์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ต่อศาลปกครองสูงสุดภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

Back to top button