3 โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” TU ชี้ไตรมาส 1/63 ฟื้นรับราคาปลาทูน่าพุ่ง-บาทอ่อน

3 โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” TU ชี้ไตรมาส 1/63 ฟื้นรับราคาปลาทูน่าพุ่ง-บาทอ่อน


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU โดยมีนักวิเคราะห์กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 18.90 บาทต่อหุ้น

โดยนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น TU ราคาเป้าหมาย 18.90 บาท/หุ้น คาดการแนวโน้มผลการดำเนินงานของ TU ในช่วงไตรมาส 1/63 ฟื้นตัวขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่า และมีสต็อคปลาทูน่าที่ราคาต่ำในไตรมาส 4/62 ซึ่งราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 950 เหรียญ/ตัน โดยในเดือน ม.ค. ราคาปลาทูน่าเพิ่มขึ้น 29% เทียบกับเดือนก่อน และ 5% จากปีก่อนมาที่ 1,350 เหรียญ/ตัน ซึ่งคาดว่าจะทำให้ลูกค้า (OEM) กลับมาสั่งซื้อมากขึ้นหลังจากชะลอการซื้อในช่วงปลายปีเพื่อรอดูทิศทางราคา อีกทั้งทำให้ TU มีโอกาสตั้งราคาขายได้ดีขึ้นตามราคาปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้น

พร้อมกันนี้ TU ตั้งเป้ายอดขายปีนี้เพิ่มขึ้น 3-5% (เทียบกับปี 2562 ซึ่งลดลง 5%) จากปริมาณขายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในธุรกิจกุ้ง และอาหารสัตว์ อีกทั้งคาดว่าผลกระทบน้อยลงจากค่าเงินหลังจากเงินบาทแข็งค่ามากในปีที่ผ่านมา บริษัทมีเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 16% โดยเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง มากกว่าการเน้นปริมาณขาย ส่วนการนำบริษัทย่อยคือ บริษัท ไทยยูเนี่ยนฟีดมิลล์ (TFM) เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ อาจเป็นช่วงครึ่งหลังปี 63 หรือปี 2564 ซึ่งจะเป็นการ Unlock value ให้กับ TU

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 18.50 บาทต่อหุ้น โดยแนวโน้มธุรกิจปี 63 ของ TU มีความสดใสมากขึ้น ในธุรกิจ ทูน่า OEM มีอุปสงค์มากขึ้น พิจารณาได้จากราคาวัตถุดิบขยับขึ้นดี เดือน ต.ค.และพ.ย.62 ที่ 900 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ได้เพิ่มมาเป็น 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน อีกทั้งจะได้รับประโยชน์ในส่วนรายได้เมื่อเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าตั้งแต่ต้นปีนี้

สำหรับราคาพื้นฐาน 18.50 บาท ประเมินด้วย P/E ปี 63 ที่ 16.5 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 21% ทำให้เห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอควรแล้ว แต่ปัจจุบันถือว่าเป็นจังหวะดีในการทยอยสะสมหุ้นใน Theme หุ้นฟื้นตัวดี

ด้านบล.เอเชีย เวลท์ กำหนดคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 18.40 บาทต่อหุ้น พร้อมประเมินการเติบโตของรายได้ในปี 2563 ไว้ที่ 4% จากปีก่อน และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 16% โดยผลประกอบการจะเติบโตจากปริมาณการขายในสหรัฐฯ และยุโรปที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงธุรกิจอาหารสัตว์ (PetCare) ที่คาดว่ารายได้จะเติบโต Double Digit โดยบริษัทวางแผนใช้เงินลงทุน (CAPEX) ปี 2563 อยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท

ขณะที่ราคาปลาทูน่ามีแนวโน้มฟื้นตัว โดยราคาปลาทูน่าเดือน ม.ค. 2563 อยู่ที่ 1,350 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 29% จากเดือนก่อน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ธ.ค. 2562 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 17% จากเดือนก่อน เป็นผลมาจากการจับปลาที่ลดลงในมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแอตแลนติก

รวมทั้งการห้ามเดินเรือในยุโรปบริเวณ Seychelles เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของระดับราคา เรามองว่าแนวโน้มราคาราคาปลาทูน่าที่กลับมาฟื้นตัว จะเป็นปัจจัยเร่งคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้า OEM ก่อนต้นทุนปลาทูน่าจะยิ่งปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ในช่วงราคาปลาทูน่ามีแนวโน้มลดลง เกิดการชะลอซื้อ เรามองสถานการณ์ปัจจุบันเป็นบวกต่อ TU

Back to top button