บลจ.ภัทร เปิดขายกองทุนหุ้นต่างประเทศ 24 ก.พ.-10 มี.ค.นี้

บลจ.ภัทร เปิดขายกองทุนหุ้นต่างประเทศ 24 ก.พ.-10 มี.ค.นี้


นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด (บลจ. ภัทร) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 24 ก.พ. – 10 มี.ค. 63 บลจ.ภัทร จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดภัทร โกลบอลอินฟราสตรัคเจอร์อิควิตี้ (Phatra Global Infrastructure Equity Fund – PHATRA GINFRAEQ) ซึ่งเป็นกองทุน Feeder Fund ที่เน้นลงทุนในกองทุนรวมหลักเพียงกองทุนเดียวคือ Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund

โดยกองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Infrastructure Companies) และมีการคัดเลือกหลักทรัพย์ด้วยกระบวนการและปัจจัยกลั่นกรองหลายปัจจัย ซึ่งครอบคลุมปัจจัยเชิงคุณภาพ ตลอดจนการกระจายการลงทุนทั้งในมิติของพื้นที่ภูมิภาคและกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งกองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาวและรับความเสี่ยงได้สูง

ทั้งนี้ กองทุน PHATRA GINFRAEQ จะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเกือบทั้งหมด คือไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้กับผู้ลงทุน

ส่วนมุมมองการลงทุนในปี 63 ว่า ตลาดการลงทุนทั่วโลกยังคงมีความผันผวนจากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น การระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยว การบริโภค และห่วงโซ่การผลิต ความคืบหน้าทางการค้าสหรัฐฯ และจีน ความขัดแย้งในการกำหนดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคพลัสที่กดดันราคาน้ำมันดิบให้ต่ำลง และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปลายปี เป็นต้น เพื่อลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนดังกล่าว ธนาคารกลางทั่วโลกได้กลับมาดำเนินนโยบายผ่อนคลายมากขึ้นโดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงและคงปริมาณเงินในระบบที่ระดับสูง

ดังนั้น การลงทุนที่ตอบโจทย์ในภาวะที่สภาพคล่องในระบบสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ และตลาดโดยรวมยังค่อนข้างผันผวน ก็คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ย แต่มีความผันผวนตามปัจจัยเสี่ยงระยะสั้นที่ต่ำ เช่น การกระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์ในหลายประเทศ (Asset Allocation) การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือ REITs การลงทุนในกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคที่มีผลการดำเนินงานที่มีกระแสเงินสดค่อนข้างสม่ำเสมอ หรือการลงทุนระยะยาวในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากวัฎจักรการเติบโตของเศรษฐกิจใหม่ เช่น กลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ กลุ่มพลังงานสะอาด เป็นต้น

ทั้งนี้ เมื่อกลับมามองในมุมของนักลงทุนในไทย ที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศนอกจากจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกดังกล่าวแล้ว ยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบภายในประเทศ เช่น ปัญหาภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี การผ่านงบประมาณภาครัฐล่าช้ากว่ากำหนด และปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างการเข้าสู่สังคมสูงวัย การขาดแคลนธุรกิจที่นับเป็นเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ทำให้ทางเลือกการลงทุนในประเทศของนักลงทุนไทยกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตลดลง ซึ่งแม้ว่าการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจะยังน่าสนใจ แต่ก็มีความเสี่ยงในเรื่องสภาพคล่องที่มีจำนวนหลักทรัพย์ให้ลงทุนได้น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณเงินทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าว

โดยบลจ.ภัทร มองว่าการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลายในต่างประเทศ ซึ่งมีสภาพคล่องสูงกว่าจะช่วยลดความเสี่ยงและให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาวแก่นักลงทุนไทย กองทุนเปิดภัทร โกลบอลอินฟราสตรัคเจอร์อิควิตี้ จึงเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนไทย ได้กระจายการลงทุนออกไปยังต่างประเทศในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Infrastructure Companies)

Back to top button