CRC ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก! ลงสนามเทรดวันแรกลุ้นเหนือจอง 42 บ.

CRC ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก! ลงสนามเทรดวันแรกลุ้นเหนือจอง 42 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.พ.) หุ้นสามัญบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เข้าซื้อขายใน SET ในหมวดพาณิชย์ เป็นวันแรก โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท.และหุ้นที่ชำระแล้ว 6,031 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 6,031 ล้านบาท และเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,691 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 42 บาท

สำหรับ CRC ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลายในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม และเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบ Omni-channel ในประเทศไทย ซึ่งช่วยเสริมสร้างเครือข่ายร้านค้าปลีกในการนำเสนอสินค้าและบริการแก่ผู้บริโภค

โดย นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC เปิดเผยว่า CRC มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่จากความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น IPO ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดของตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่าที่เคยมีมา รวมทั้งยังเป็นหุ้น IPO ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีมูลค่าเสนอขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีต่อศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของผู้นำค้าปลีกไทยในระดับโลก

ขณะเดียวกัน CRC มีแผนจะนำเงินที่ได้จากระดมทุนไปใช้ในการขยายกิจการรวมทั้งปรับปรุงสาขาต่าง ๆ ของธุรกิจค้าปลีกในเครือ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม พร้อมกับการเป็นหุ้นพื้นฐานดีเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดในระดับโลกอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ CRC มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO 3 อันดับแรก ได้แก่ HCDS ถือหุ้นรวม 35.10% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว Morgan Stanley & Co. International Plc ถือหุ้นรวม 5.80% และ Hawthorn Resources Limited ถือหุ้นรวม 4.20%

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อบริหารกิจการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ

ด้าน นายปิยะ งุ่ยอัครมหาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน CRC กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2562 บริษัทมีกำไรสำหรับงวดจากการดำเนินงานต่อเนื่อง 1,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 379 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.60% จากไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 1,279 ล้านบาท และมีรายได้รวม 53,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,137 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.20% จากไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 50,307 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นจากการรวมธุรกิจเหงียนคิมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 รายได้การให้บริการเช่าที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดพลาซ่าแห่งใหม่ ได้แก่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ สาขาชัยภูมิ และการรับรู้รายได้ค่าเช่าเต็มไตรมาสจากโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ สาขาชลบุรี รวมถึงสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารต่อรายได้รวมที่ลดลง

ส่วนผลประกอบการสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทมีกำไรสำหรับงวดจากการดำเนินงานต่อเนื่อง 5,860 ล้านบาท ลดลง 2,907 ล้านบาท หรือลดลง 33.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสำหรับงวดจากการดำเนินงานต่อเนื่อง 8,767 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายการขาย 34,390 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,056 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายในการบริหาร 11,634 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 159,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,297 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 153,208 ล้านบาท

ด้านผลประกอบการปี 2561 บริษัทมีกำไรสำหรับงวดจากการดำเนินงานต่อเนื่อง 11,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,571 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47.40% จากปี 2560อยู่ที่ 7,534 ล้านบาท  และมีรายได้รวม 206,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,577 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.90%  จากปี 2560 อยู่ที่ 187,998 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากกำไรจากการจำหน่ายที่ดินภายใต้การปรับโครงสร้างธุรกิจ รายได้จากการให้บริการเช่าที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดพลาซ่าแห่งใหม่จำนวน 3 แห่ง และการรับรู้ผลประกอบการเต็มปีของพลาซ่า 2 แห่ง ที่เปิดให้บริการในปี 2560 หักลบกับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ลดลง

ขณะที่ นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บล.ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย  เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 สัปดาห์ที่ผู้บริหารเซ็นทรัล รีเทล ได้เดินทางให้ข้อมูลกับนักลงทุนทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ รวมทั้งการทำสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Bookbuilding) กับนักลงทุนสถาบันทั่วโลก พบว่านักลงทุนให้ความสนใจในหุ้น CRC เป็นอย่างมาก รวมทั้งได้แสดงความต้องการลงทุนในหุ้น CRC คิดเป็นมูลค่าสูงกว่ามูลค่าหุ้นที่เสนอขาย (Oversubscription) เป็นจำนวนมาก โดยไม่มีความแตกต่างของปริมาณความต้องการลงทุนมากนักในแต่ละระดับราคาของช่วงราคาเสนอขายหุ้นที่ 40-43 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล ผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายได้พิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องทุกด้านอย่างถี่ถ้วน และตัดสินใจกำหนดราคาเสนอขายที่ 42 บาท/หุ้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นราคาที่เหมาะสม และจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อราคาซื้อขายในตลาดรอง สำหรับการจัดสรรหุ้นครั้งนี้ ได้จัดสรรหุ้นส่วนใหญ่กว่า 70% ให้กับนักลงทุนสถาบันที่มีคุณภาพและลงทุนในระยะยาว (Long-only Institutional Investor) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ในสภาวการณ์ตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบัน มูลค่าการระดมทุนในรูปแบบ IPO ของบริษัทต่าง ๆ ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียลดลงอย่างเห็นได้ชัด การเดินหน้า IPO ของเซ็นทรัล รีเทล ในครั้งนี้จึงเป็นการพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจเซ็นทรัล รีเทล และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่มีความต้องการลงทุนในหุ้นที่มีความแตกต่างและมีความน่าสนใจ ปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง มีความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และมีขนาดใหญ่ ผมเชื่อว่า IPO ของเซ็นทรัล รีเทลในครั้งนี้ น่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้มีความคึกคักขึ้น”นายอนุวัฒน์ กล่าว

สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ทำการจองซื้อหุ้นที่ราคา 43 บาท/หุ้น ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายทุกรายจะดำเนินการคืนเงินส่วนต่างให้แก่นักลงทุนที่จองซื้อผ่านตน ตามวิธีการที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน ทั้งนี้ คาดว่าหุ้น CRC จะสามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในวันที่ 20 ก.พ.63 พร้อมกับเริ่มทำการรักษาระดับราคาหุ้นในตลาดรอง (Stabilization Activity) โดยบล.ภัทร

ด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากที่ เซ็นทรัล รีเทล ได้กำหนดช่วงราคา IPO ที่ 40-43 บาท/หุ้น และเปิดให้นักลงทุนรายย่อยได้จองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 29-31 ม.ค.และ 3 ก.พ.63 ที่ราคา 43 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย พบว่านักลงทุนรายย่อยให้การตอบรับและแสดงความสนใจจองซื้อหุ้น CRC เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ เกิดจากการที่นักลงทุนมองว่า CRC เป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีศักยภาพเหมาะกับการถือหุ้นเพื่อร่วมลงทุนและเติบโตในระยะยาว ด้วยสถานะความเป็นผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจรีเทลในประเทศไทย ผู้ประกอบการอันดับ 1 ธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติในประเทศเวียดนาม และผู้ประกอบการอันดับ 1 ธุรกิจห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ในประเทศอิตาลี และยังมีโอกาสต่อยอดความสำเร็จจากช่องทาง Customer-Centric Omni-Channel ที่สามารถสร้างรายได้จากทุกที่ ทุกเวลา และทุกช่องทาง พร้อมด้วยสถานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่งพร้อมสนับสนุนทุกโอกาสการเติบโตในอนาคต

สำหรับราคาเสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าว นับว่ามีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย พร้อมจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment Option หรือ Greenshoe) เต็มจำนวน หลังเดินสายโรดโชว์พบนักลงทุนสถาบันทั่วโลกและได้รับการตอบรับอย่างดีซึ่งแสดงถึงความต้องการลงทุนในหุ้น CRC เป็นจำนวนมาก จากผลการตอบรับของนักลงทุนสถาบันดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำค้าปลีกไทยในระดับโลกของเซ็นทรัล รีเทล รวมถึงศักยภาพในการเติบโตที่จะมุ่งหน้าสู่ New Central New Retail

นอกจากนั้น จากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบมจ. โรบินสัน (ROBINS) เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของ ROBINS ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน คาดว่าจะมีผู้ถือหุ้นรายย่อยของ ROBINS จำนวนเกินกว่า 96% ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ CRC ส่งผลให้ CRC จะเข้าถือหุ้นใน ROBINS ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมประมาณ 98%

โดยการเสนอขายหุ้น IPO ของเซ็นทรัล รีเทลในครั้งนี้ มีมูลค่ารวม 78,124 ล้านบาท (รวมมูลค่าหุ้นที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ ROBINS ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) นับเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ที่มีมูลค่าระดมทุนสูงที่สุดของตลาดหุ้นไทย และเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีมูลค่าสูงที่สุดทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2550

สำหรับสัดส่วนระหว่างนักลงทุนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศของ CRC คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 52% และ 48% ตามลำดับ ที่ราคา 42 บาท/หุ้น โดยหุ้น CRC จะเป็นหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Capitalization) ณ วันที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  เป็นวันแรกที่ประมาณ 253,302 ล้านบาท (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ซึ่งจะเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 15 ลำดับแรกของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นผลให้ CRC จะได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 ด้วยเกณฑ์ Fast-track ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่หุ้น CRC เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก

 

Back to top button