HMPRO-DOHOME-GLOBAL ดิ่งหนัก! เซ่นกทม.สั่งปิดห้าง-ดีมานด์ของตกแต่งบ้านลด
HMPRO-DOHOME-GLOBAL ดิ่งหนัก! เซ่นกทม.สั่งปิดห้าง-ดีมานด์ของตกแต่งบ้านลด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ณ เวลา 10.05 น. ราคาหุ้น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO อยู่ที่ 9.80 บาท ลบ 1.60 บาท หรือ 14.04% สูงสุดที่ 9.95 บาท ต่ำสุดที่ 9.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 212.18 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL อยู่ที่ 10 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 13.04% สูงสุดที่ 10.10 บาท ต่ำสุดที่ 9.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17.27 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME อยู่ที่ 4.90 บาท ลบ 0.70 บาท หรือ 12.50% สูงสุดที่ 4.92 บาท ต่ำสุดที่ 4.76 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 10.13 ล้านบาท
โดย บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผู้ค้าปลีกผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านจะได้รับผลกระทบจากคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้า 2-3 สัปดาห์ในกรุงเทพฯ และอีก 13 จังหวัด โดยสาขา HMPRO และ DOHOME ได้รับผลกระทบราวๆ 47% จากทั้งหมด GLOBAL ที่ 50% กลุ่มสินค้าจำเป็นได้รับผลกระทบจำกัด ทั้งนี้ลดกำไรปี 63 ลง 5.2-8.2% และลดราคาเป้าหมายกลุ่มค้าปลีกผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของกลุ่ม
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์จากกรณี กทม.สั่งปิดสถานที่เสี่ยงเพิ่มเติม 22 วัน เริ่ม 22 มี.ค.-12 เม.ย. เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ผู้ว่าฯ กทม. ออกประกาศคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวเพิ่มเป็น 26 ประเภท เป็นระยะเวลา 22 วัน (22 มี.ค. – 12 เม.ย.) ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ให้เปิดแค่โซน super market/ ร้านยา/ธนาคาร ร้านขายอาหารและร้านสะดวกซื้อ ให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้นห้ามนั่งกินที่ร้าน สำหรับร้านอาหารในโรงแรมให้บริการเฉพาะลูกค้าที่เข้าพัก
ทั้งนี้ ยังให้ปิดตลาดและตลาดนัดเหลือแค่ร้านขายของเพื่ออุปโภคบริโภค ของสด ของแห้ง รวมถึง ปิดร้านเสริมสวย คลีนิคเสริมความงาม และ ปิดศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม และสถานที่จัดนิทรรศการ นอกจากนั้น 5 จังหวัดปริมณฑล คือ สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นครปฐม, นนทบุรี และปทุมธานี มีการออกประกาศให้ใช้มาตรการปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวเช่นเดียวกับกทม.
โดยบล.เคทีบี (ประเทศไทย) มองเป็นลบต่อตลาดหุ้นไทย การออกมาตรการปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 22 วัน เพิ่มเติมนี้ เราคาดว่าจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทยอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงและหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้น มีโอกาสมากที่จะเห็นการใช้มาตรการนี้กับจังหวัดอื่นเพิ่มเติม หรือหากสถานการณ์เลวร้ายลง มีโอกาสที่จะเห็นการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สำหรับมาตรการปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ที่กรุงเทพฯ และ 5 จังหวัด เป็นระยะเวลา 22 วันนี้ จะส่งผลกระทบเป็นลบเป็นส่วนใหญ่กับหลายธุรกิจ เนื่องจากรายได้ที่ลดลง อย่างไรก็ตามมีบางธุรกิจที่จะได้รับผลบวกจากมาตรการนี้เช่นกัน
สำหรับธุรกิจและบริษัทที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ คือ 1) ศูนย์การค้า & ห้างสรรพสินค้า (SF, PLAT, CRC, CPN, MBK, AWC), 2) ร้านขายวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน (DOHOME, HMPRO, GLOBAL), 3) ศูนย์แสดงสินค้า+ศูนย์ประชุม (IMPACT), 4) ร้านอาหารในห้าง (AU, ZEN, M, OISHI, SNP, CENTEL, MINT), 5) ร้านค้าในห้าง (COM7, JMART, IT, MC, BEAUTY, TKN), 6) โรงภาพยนตร์ (MAJOR), 7) ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ (BEM, BTS), 8) ปั๊มน้ำมัน (PTG, PTT, ESSO, BCP)